ปุ๋ย
“ปุ๋ย” เป็นหนึ่งองค์ประกอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต่อการเพาะปลูก ไม่ว่าจะเป็นพืชผักสวนครัวหรือพืชต้นใหญ่ในสวน ก็ล้วนแล้วแต่จำเป็นต้องอาศัยสารอาหารจากปุ๋ยชนิดต่าง ๆ ทั้งสิ้น วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านชวนมาทำความรู้จักปุ๋ย AB ปุ๋ยสองสูตรสุดเจ๋งที่จะช่วยให้การปลูกผักนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น “ปุ๋ย AB” คือ ปุ๋ยสำหรับการปลูกและบำรุงพืชไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponic) หรือ พืชไร้ดิน ในรูปแบบของสารละลาย ซึ่งถือเป็นปุ๋ยเคมีชนิดหนึ่งที่เข้ามาช่วยสร้างอาหารให้กับพืชชนิดต่าง ๆ ทดแทนธาตุอาหารจากได้จากดิน โดยพืชแบบไร้ดินนี่จะได้รับสารอาหารในรูปแบบของสารละลาย ซึ่งพืชสามารถที่จะนำสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ในทันที โดยข้อดีของปุ๋ย AB นั้นอยู่ที่ มีราคาประหยัดและมีสารอาหารครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับพชไร้ดิน ประเภทของปุ๋ย AB ในท้องตลาด ในปัจจุบันปุ๋ย AB สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั้งแบบเคมีและแบบอินทรีย์ โดยแบ่งประเภทออกเป็น ชนิดแห้งในรูปแบบเม็ด จะมาในลักษณะซองบรรจุแยกปุ๋ย A และ ปุ๋ย B เมื่อใดที่ต้องการใช้งานก็ให้นำปุ๋ยทั้งสองสูตรมาผสมน้ำสะอาดตามปริมาณที่มีคู่มือบอกไว้ แต่ไม่ควรผสมให้เจือจางเกินไปเนื่อ
“ไส้เดือน” สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรามักพบเห็นได้ทั่วไปตามธรรมชาติ ตั้งแต่ในป่าใหญ่ไปจนถึงในสวนหลังบ้าน และแม้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะตัวเล็กแต่ประโยชน์นั้นกลับไม่ได้เล็กอย่างตัว เพราะไส้เดือนจัดอยู่ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตจำพวกผู้ย่อยสลายซากอินทรีย์ในระบบนิเวศ สิ่งมีชีวิตจิ๋วเหล่านี้จึงมีความสามารถในการปรับปรุงโครงสร้างและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พื้นดิน อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นดัชนีวัดความปนเปื้อนของสารพิษในดินได้อีกด้วย ไส้เดือน สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ไส้เดือนที่อาศัยอยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์ ซึ่งจะมีความสามารถในการย่อยสารอินทรีย์ในดิน และขยายพันธุ์ด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งคือ ไส้เดือนที่อาศัยอยู่ใต้ดินโดยใช้การขุดรู ไส้เดือนในกลุ่มนี้จะมีอายุอยู่ที่ราวๆ 4-10 ปี แต่หากนำไส้เดือนชนิดนี้มาเลี้ยงเพื่อประโยชน์ทางการเกษตรจะมีอายุอยู่ได้เพียง 2 ปีเท่านั้น แล้วประโยชน์ในภาคการเกษตรของไส้เดือนล่ะคืออะไร ? วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านชวนมาทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วและประโยชน์อันหลากหลายของพวกเขาที่จะช่วยให้การทำการเกษตรนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ! กา
การปลูกไม้ผลให้ได้ผลผลิตดก สวยงาม และคุณภาพเยี่ยม ไม่ใช่แค่การปลูกแล้วรดน้ำเท่านั้น แต่การใส่ปุ๋ยให้เหมาะสมและถูกวิธีก็มีผลสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะเทคนิค “โยกหน้า-โยกหลัง” ที่เป็นสูตรปุ๋ยไม้ผลยอดนิยมในหมู่ชาวสวนมืออาชีพ ในกระบวนการเจริญเติบโตของพืช ไม่ว่าจะเป็นกิ่ง ก้าน ใบ ตลอดจนส่วนอื่น ล้วนมีธาตุอาหารหลายธาตุเข้าไปมีบทบาทร่วมกันเกื้อกูลกัน อีกทั้งพืชแต่ละชนิดมีความต้องการธาตุอาหารแตกต่างกัน ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ผู้ปลูกพืชทุกคนต้องยึดมั่นในหลักที่ว่า “พืชต้องได้รับอาหารครบทุกธาตุอย่างเพียงพอและในปริมาณที่สมดุลเท่านั้น” พืชจึงจะเจริญเติบโตได้ตามปกติ สามารถออกดอก ผล ตามที่ต้องการ “โยกหน้า-โยกหลัง” หมายถึง การใส่ปุ๋ยในช่วงเวลา 2 ช่วงสำคัญของการเจริญเติบโตของไม้ผล ได้แก่ 1. โยกหน้า ช่วงก่อนออกดอกหรือช่วงที่ต้นไม้กำลังเตรียมตัวสร้างผล เป็นเวลาที่ต้นไม้ต้องการสารอาหารเพื่อสร้างพลังงานให้การพัฒนาเซลล์ต่างๆ จะเป็นปุ๋ยที่เน้นตัวเลขตัวหน้า (เน้น N ไนโตรเจน) ตัวหน้ามากกว่าตัวหลัง เช่น 25-7-7 หรือ 46-0-0 จะช่วยเน้นบำรุงในส่วนของการสร้างเสริมยอดอ่อน และใบๆ 2. โยกหลัง ช่วงหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อฟื้
หลายคนอยากปลูกสวนครัวไว้ในบริเวณบ้าน แต่ปลูกเท่าไหร่ก็ไม่งาม อยากปรับปรุงดินโดยวิธีธรรมชาติ ทำได้อย่างไร? ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า “ดินดี” ในอุดมคติ เมื่อหยิบหรือตักขึ้นมา 1 ส่วน หรือ 1 ลิตร หรือ 1 ลูกบาศก์เมตร ก็ตาม สมมติเป็น 100 ส่วน ในทั้งหมดนี้มีส่วนประกอบสำคัญ 4 ส่วน โดยปริมาตร คือ 1. เนื้อดิน เกิดจากการแตกหักจนเป็นชั้นเล็กๆ ตามวิถีของธรรมชาติของหิน จำนวนร้อยละ 45 มีบทบาทเป็นตัวกลางให้รากพืชหยั่งลึกและยึดจนยืนต้นอยู่ได้ หากมีสมบัติไม่เป็นกรดจัดหรือด่างจัดจะยิ่งดี คือควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง อยู่ระหว่าง 5.5-6.5 จะเหมาะสมสำหรับเพาะปลูกพืชที่สุด 2. อินทรียวัตถุ ได้จากการย่อยสลายจากเศษซากพืชหรือสัตว์โดยจุลินทรีย์ และทับถมอยู่ในดิน หากมีปริมาณ ร้อยละ 5 จะถือว่าดีที่สุด ปริมาณดังกล่าวจะพบได้ในป่าที่สมบูรณ์ยังไม่เคยมีการนำมาใช้เพาะปลูก มีเศษใบไม้ร่วงหล่นทับถมและเน่าเปื่อยสลายตัว นอกจากจะมีธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืชแล้วยังช่วยปรับโครงสร้างดินให้ร่วนซุย เป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์อีกมากมายหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในดิน บางชนิดสามารถกำจัดโรคในดินได้ก็มี 3. ความชื้น อ
วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้าน บอกหมดเปลือก เคล็ดไม่ลับ “สูตรน้ำหมักสมุนไพรกำจัดเพลี้ยชนิดต่างๆ” เพลี้ยแป้ง หรือเพลี้ยชนิดต่างๆ เป็นศัตรูพืชชนิดหนึ่ง จะอยู่ในดินตามบริเวณรากพืช แล้วขับถ่ายออกมามีลักษณะเหมือนน้ำหวาน มดจึงเข้าไปกิน หลังจากนั้นมดจะคาบเพลี้ยแป้งไปไว้ตามยอดไม้ หรือยอดอ่อนของใบ ตามต้น หรือดอกไม้ ชอบดูดกินน้ำหวานจนต้นไม้ขาดสารอาหาร และทำให้การเจริญเติบโตของต้นต้องหยุดชะงัก อีกทั้งยังสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็ว จึงต้องป้องกันการระบาดให้ดี เพื่อไม่ให้พืชผลได้รับผลกระทบ ✨วิธีใช้ : ใช้น้ำหมักจำนวน 10-20 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ถ้าเห็นว่าเพลี้ยตายหมดไม่มีเกาะตามใบ หรือต้นพืชแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฉีดซ้ำ จะฉีดน้ำหมักก็ต่อเมื่อมีเพลี้ยมาเกาะกินน้ำเลี้ยงพืชเท่านั้น อาจจะฉีดติดต่อกันประมาณ 3 วันเพื่อเป็นการป้องกัน 📌ข้อแนะนำ : ถ้าพบเพลี้ยแป้งเป็นจำนวนน้อยเกาะอยู่ตามใบ หรือส่วนที่ตัดทิ้งได้ ให้ตัดทิ้งไปก่อน 💡ประโยชน์ : เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟจะตาย ถ้าต้องการให้ตายมาก ให้เอาข่าแก่ๆ ทุบให้แตก ตะไคร้หอมตัดให้ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว ทุบให้แตก พริกขี้หนูแก่ โขลกให้ละเอียด อย่างละ 1กิโลกรัม ผสมหมักลงไปอีกเพิ่มน
วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้าน บอกหมดเปลือก เคล็ดไม่ลับ “สูตรน้ำหมักชีวภาพ จากนม” มีกรดแลกติกที่ช่วยทำให้ดินร่วนซุย มีสารส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชกลุ่มออกซิน ไซโตไคนิน ปริมาณธาตุอาหารหลัก และธาตุอาหารรอง ที่ช่วยบำรุงต้น และกระตุ้นยอดอ่อนของพืช ✨วิธีใช้ : ใช้เป็นน้ำยาเร่งราก ตัดชิ้นไขที่เกิดด้านบน 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำ 10 ลิตร ผสมให้เข้ากัน แล้วนำกิ่งพันธุ์พืชแช่ไว้ประมาณ 10 นาที แล้วจึงนำไปปลูกในถุงปักชำ ถ้าใช้ในการบำรุงต้น กระตุ้นยอดอ่อน ใช้น้ำหมักฯ ที่เป็นชั้นน้ำใสด้านล่าง อัตรา 10-20 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นต้นพืช สัปดาห์ละครั้ง 👍🏻ประโยชน์ 1. ช่วยให้พืชเจริญเติบโต สมบูรณ์แข็งแรง เพราะในน้ำนมมีสารอาหารโปรตีนสูง อย่าง เคซีน โกลบูมิน อัลบูมิน และกรดอะมิโน ที่เมื่อถูกจุลินทรีย์ย่อยสลายแล้ว จะกลายเป็นธาตุไนโตรเจน จึงมีส่วนช่วยให้พืชเจริญเติบโต สมบูรณ์ แข็งแรง เร่งต้น เร่งใบ ให้โตเร็วยิ่งขึ้น 2. เพิ่มความหวานกรอบให้กับผลผลิต การฉีดรดพืชทางใบด้วยฮอร์โมนนมสด สามารถเพิ่มความหวานกรอบให้กับผลผลิตได้ ไม่ว่าจะเป็นผักสลัดและผักกินใบชนิดต่างๆ 📌ข้อแนะนำ : น้ำหมักชีวภาพจากนม ที่พร้อมใช้งานแล้วจะสังเกตได้จ
วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้าน บอกหมดเปลือก เคล็ดไม่ลับ “สูตรน้ำหมักฮอร์โมนไข่” เร่งดอกให้ติดดอกได้เร็ว ทำให้พืชสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย ช่วยบำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์ ออกดอกออกผล เร่งผลผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นิยมใช้บำรุงพืช ควบคู่กับปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยเคมี ส่วนระยะเวลาในการให้ฮอร์โมนไข่นั้น ไม่ควรให้ถี่จนเกินไป ควรเว้นช่วงการให้ ฮอร์โมนไข่ คือ การนำไข่ไก่สดมาผสมกับนมเปรี้ยว และน้ำตาล เพื่อให้จุลินทรีย์ในนมเปรี้ยว ย่อยสลายธาตุอาหารในไข่ไก่ ทำให้พืชสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย สูตรนี้จะนิยมใช้ในการบำรุงพืช ออกดอกออกผล เร่งผลผลิตได้รวดเร็ว “ฮอร์โมนไข่” เรียกได้ว่าเป็นปุ๋ยชั้นดีให้แก่พืชผักเลยทีเดียว ในไข่ไก่มีโปรตีนที่มีประโยชน์มาก นอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญของมนุษย์แล้ว ยังมีประโยชน์ที่นำมาใช้กับพืชได้อีกด้วย วิธีใช้ : ผสมฮอร์โมนไข่ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตร ฉีดรดต้นไม้ตอนที่ยังไม่ออกดอก และถ้าหากต้นไม้เริ่มออกดอกใช้เพียง 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 5 ลิตร หากใช้มากเกินไปจะทำให้ดอกร่วงได้ วิธีการเก็บรักษา : หากใช้ไม่หมด ให้นำไปเก็บไว้ในที่ร่มไม่ให้โดนแสงแดด สามารถเก็บได้นานเป็นปี
หมดปัญหาขยะเปียกส่งกลิ่นเหม็นเน่าอีกต่อไป ทุกๆ ครั้งที่รับประทานอาหารมักจะมีเศษอาหารที่กินไม่หมด แล้วต้องถูกนำมาเททิ้ง ยิ่งถ้ามีปริมาณมากทิ้งไว้นานก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่า วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านมีเทคนิคในการช่วยลดปริมาณขยะเปียกด้วยการทำ “ปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร” ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แถมไม่ต้องลงทุนเลยสักบาท การทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร อาศัยการย่อยสลายจากจุลินทรีย์ เริ่มต้นต้องมีถังเก็บขยะเพื่อใช้ในการหมัก โดยระยะเวลาการหมักปุ๋ยจากเศษอาหารจะใช้เวลาในการหมักประมาณ 1 เดือน ภาชนะที่ควรใช้หมัก แนะนำว่าควรใช้ถังหมักที่มีลักษณะดินเผาเพราะระบายอากาศได้ดีกว่าถังพลาสติกและไม่แฉะจนเกินไปด้วย วิธีการจัดการกับเศษขยะเพื่อนำไปทำปุ๋ยหมัก ขั้นตอนที่ 1 นำเศษอาหารที่เราสามารถใช้ในการหมักได้คือ เศษผัก เศษผลไม้ เปลือกไข่ กากกาแฟ เปลือกผลไม้ ข้าวบูด และอาหารเหลือ เป็นต้น ซึ่งวิธีการจัดการกับขยะเหล่านี้คือ หากเป็นอาหารเหลือกินให้กรองน้ำออกก่อนจะใส่ลงถังหมัก ขั้นตอนที่ 2 จากนั้นทับด้วยปุ๋ยคอก เศษใบไม้แห้ง หญ้าแห้ง หรือดินถุงก็ได้ เอาปุ๋ยคอกกับเศษใบไม้แห้งผสมกัน แล้วเทลงไปสลับกับชั้นเศษอาหาร ลงไปประมาณ 2-3 รอบ ขั้นตอนที่ 3 ร
คําถาม จากข้างกระสอบปุ๋ย เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ ผมสนใจการเกษตรมาแล้วระยะหนึ่ง แต่เนื่องจากไม่มีพื้นฐานทางด้านนี้มาก่อน จึงมีคําถามอยู่ในใจหลายอย่าง วันนี้ผมเขียน จ.ม. มาถามคุณหมอเกษตรว่า ตัวเลขข้างกระสอบปุ๋ย เขียนว่า 12-24-12 น้ำหนัก กระสอบละ 50 กิโลกรัม ดูแล้วยังไม่เข้าใจอยู่ดี รู้เพียงว่าเป็นปุ๋ยเร่งดอกเท่านั้น ขอคําอธิบายจากคุณหมอเกษตรด้วยครับ ด้วยความนับถือ ศิริชัย แก้วโพธิ์ เลขที่ 58/2 บ้านหนองบัวสร้าง ตําบลอุมจาน อําเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร 47230 ตอบ : คุณศิริชัย แก้วโพธิ์ ตัวเลขข้างกระสอบปุ๋ยที่คุณยกตัวอย่างมานั้น เป็นตัวเลขข้างต้นนั้นเป็นระบบสากล ในความหมายนั้นบอกว่า ในกระสอบปุ๋ย น้ำหนัก 100 กิโลกรัม มีธาตุ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ที่ต้นไม้นําไปใช้ประโยชน์ – 12 ตัวแรก คือ ปริมาณ N (ไนโตรเจน) ช่วยเร่งการเจริญเติบโต สร้างใบ เพิ่มความเขียว – 24 ตัวถัดมา คือ ปริมาณ P (ฟอสฟอรัส) ช่วยเร่งการแตกใบและการผสมเกสร เพิ่มความแข็งแรงให้ลำต้น – 12 ตัวสุดท้าย คือ ปริมาณ K (โพแทสเซียม) ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มขนาด น้ำหนัก และรสชาติ ความหวาน 12, 24 และ 12 กิ
หลายบ้านปลูกต้นไม้ไว้ไกล้ๆ กับแหล่งที่ใช้น้ำในครัวเรือน เช่น ใกล้อ่างล้างจาน ที่ระบายน้ำ เพื่อสะดวกแก่การรดน้ำต้นไม้ มีผู้อ่านถามมาใน คอลัมน์ “หมอเกษตร ทองกวาว” ว่า ปลูกมะนาวไว้หลายต้นในสวนหลังบ้าน ใกล้กับบริเวณที่ล้างจาน อยากทราบว่าจะใช้น้ำล้างถ้วยชามจากครัวที่บ้านรดต้นมะนาวได้หรือไม่? “หมอเกษตร ทองกวาว” ให้คำตอบไว้ว่า น้ำที่ได้จากการล้างถ้วยชาม จะอุดมไปด้วยไขมันและโปรตีน ซึ่งโปรตีนจะแตกตัวเป็นแอมโมเนียรูปใดรูปหนึ่งที่เป็นแหล่งของไนโตรเจน โดยเฉลี่ยในน้ำล้างถ้วยชามมีไนโตรเจนสูงกว่าน้ำสะอาด 3-5 เท่า ผมเคยนำน้ำล้างถ้วยชามไปรดมะนาวในกระถาง แบ่งทำ 3 ซ้ำ หรือ 3 กระถาง ผลลัพธ์ที่ได้พบว่า ต้นมะนาวแสดงอาการ “เฝือใบ” มีการแตกยอดออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้ติดดอกออกผลน้อย ผมต้องแก้ไขด้วยการตัดยอดออกบ้าง พร้อมกับงดการให้ปุ๋ยทุกชนิด เป็นเวลา 2-3 เดือน รอจนต้นมะนาวฟื้นตัวเป็นปกติ หากต้องการทำน้ำให้สะอาดด้วยวิธีการกรองด้วยทรายหยาบ อิฐหัก และถ่านป่น วางเป็นชั้นในถัง คงไม่คุ้มค่ากับการลงทุน จึงควรงดเว้นการนำน้ำล้างถ้วยชามไปรดต้นมะนาวเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ แล้วน้ำเหล