ปูนา
ในพื้นที่ “เมืองลีง” นั้นอยู่ขั้นกลางเขตรอยต่อระหว่างสุรินทร์ กับบุรีรัมย์ มีสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมปราสาทหินจอมพระ โบราณสถานเมื่อครั้งสมัยพระชัยวรมันที่ 7 “เมืองลีง” ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา เมื่อหมดหน้านาก็จะว่างงาน แต่ ลุงสังข์ หรือ คุณสังข์ โคตรวงษา ในวัย 58 ปี เป็นชาวนาโดยกำเนิด หมดหน้านาไม่รอฟ้ารอฝน ใฝ่หาความรู้และมองเห็นช่องทางในการเพาะเลี้ยงปูนา ที่บ้านหนองขาม ตำบลเมืองลีง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ลุงสังข์ เล่าว่า เมื่อช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ตนเองเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินชีวิต ทุกอย่างหยุดชะงักหมด ทั้งคนยากดีมีจนได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน แต่ชาวบ้านชาวนาอย่างเราๆ ก็ได้แต่นั่งเฝ้าแปลงนาไปวันๆ ได้แต่ทำใจ แต่ไม่ย่อท้อ “ในน้ำมีปลา ในนามีปู” ลุงสังข์นั่งดูปูที่อยู่ในแปลงนา ก็เริ่มเกิดแนวคิดและศึกษาการใช้ชีวิตของปูนา พร้อมๆ ไปกับการแสวงหาการเรียนรู้เพิ่มเติมจากนักวิชาการ โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่นำความรู้มาจัดโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงปูนาในระดับชุมชน ในช่วงโควิด-19 ลุงสังข์เป็นหนึ่งในจำนวนผู้อบรมที่อยากเพิ่มพูนเรื่องการเ
สมุนไพรจีนอย่าง “ถั่งเช่า” นั้นดังเป็นพลุแตก แต่ด้วยสนนราคากิโลกรัมละ 200,000-400,000 บาท จึงทำให้คนไทยเดินดินอย่างเราๆ ไม่มีปัญญาหาถั่งเช่ามารับประทาน อันที่จริง สมุนไพร 2 ชีวิตกึ่งหนอนกึ่งเห็ดตัวนี้ ก็ไม่ได้มีสรรพคุณอะไรมากไปกว่าการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และช่วยควบคุมไขมันในเลือดให้สมดุล แต่เนื่องจากการไหลเวียนโลหิตกระจายไปหล่อเลี้ยงเส้นเลือดฝอยที่อวัยวะเพศเพิ่มขึ้นด้วย จึงช่วยให้เกิดอานิสงส์เหมือนกินไวอะกร้า ขณะนี้มีข่าวดีว่ากระทรวงสาธารณสุขไทยกำลังเพาะถั่งเช่าได้เอง โดยใช้ดักแด้ของตัวไหมไทยเลี้ยงสปอร์ของเห็ดถั่งเช่าจีนในอุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ราคาน่าจะพอหยิบจับเข้าปากประชาชนทั่วไปได้ คราวนี้ขอนำเสนอสมุนไพรภูมิปัญญาอีสาน-ล้านนาขนานแท้คือ “ปูนา” คนส่วนใหญ่คุ้นเคยแต่สมุนไพรที่เป็นพืชวัตถุ จนลืมไปว่าสมุนไพรไทยที่เป็นสัตว์วัตถุก็มีอยู่มากมายที่รู้จักกันดีคือ สัตตเขา หรือเขาสัตว์ 7 อย่าง เช่น เขากวางอ่อน เป็นต้น หรือเนาวเขี้ยว คือ เขี้ยว 9 อย่าง เช่น เขี้ยวหมูป่า เป็นต้น และปูนา ก็เป็นสมุนไพรจำพวกสัตว์วัตถุอย่างหนึ่งซึ่งมีรสเย็น ดับพิษร้อน ลดการอักเสบเหมือนสัตต
เนื่องจากทุกวันนี้ปูนาเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้เกษตรกรใน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ได้ทำการเพาะเลี้ยงปูนาโดยใช้ข้อมูลที่พอจะหาได้ในโซเชียล ลองผิดลองถูกจนในปัจจุบันสามารถเพาะเลี้ยงปูนาส่งขาย ทำรายได้แต่ละเดือนไม่ใช่น้อย นางชญาพร ทัคคิโน เกษตรกรหญิงจากฟาร์มปูนาสองพี่น้อง หมู่ที่ 11 ต.รกฟ้า อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้ใช้เวลาว่างศึกษาในอาชีพการเลี้ยงปูนาเนื่องจากเล็งเห็นว่าปูนาเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก และมีผู้เลี้ยงน้อยราย เมื่อศึกษาก็พบว่าปูนาสายพันธุ์กำแพงเป็นปูนาที่น่าสนใจเพาะเลี้ยง เนื่องจากเลี้ยงง่าย โตเร็ว และมีขนาดลำตัวที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักประมาณ 13 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม ขายหน้าฟาร์ม กิโลกรัมละ 90 บาท ทำรายได้วันละ 800-1,000 บาทเลยทีเดียว โดยปูนาสายพันธุ์กำแพงนั้นจะนิยมนำไปทำอาหารประเภทลาบปู น้ำพริกปู หรือปูนึ่ง หรือจะนำไปดองเพื่อใส่ส้มตำจะทำให้ได้รสชาติดีเนื่องจากขนาดลำตัวใหญ่กว่าปูนาทั่วไป ส่วนการเพาะเลี้ยงนั้น จะเลี้ยงในบ่อปูนซีเมนต์ มีการใส่ดินเพื่อป้องกันการหลุดของขาปู รวมทั้งควรมีที่หลบภัยเนื่องจากช่วงที่ปูลอกคราบปูมักจะกินกันเอง และต้องมีคอก
ปูนา เป็นสัตว์น้ำจืดที่จะเห็นได้ทั่วไปในช่วงที่ถึงฤดูกาลทำนา และสามารถพบเห็นได้ตามสถานที่ชุ่มน้ำทั่วไป หรืออาจจะมีมากในท้องนาที่เป็นพื้นที่สงบ ปูนาเป็นสัตว์ที่ชอบขุดรูอยู่อายุตามแปลงนา คันนา ซึ่งผู้ที่มีความชำนาญจะเห็นรูที่ปูนาอาศัยอยู่ได้ง่าย โดยมีลักษณะเป็นรูกลมรีที่มีลักษณะตามขนาดของตัวปู ปูนาสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น ปูนาปิ้งกล้ามใหญ่ๆ หอมๆ หรือจะเป็นลาบปูนา ตลอดไปจนถึงแกงอ่อมก็อร่อยไม่แพงกัน และที่นิยมกินกันและกินได้บ่อยๆ ไม่มีเบื่อก็คงจะหนีไม่พ้นป่นปูนา วิธีการทำป่นปูนาก็ไม่มีขั้นตอนอะไรที่ยุ่งยาก ในขั้นตอนแรกต้องหาปูนามาให้ได้เสียก่อน โดยอาจจะไปขุดตามท้องนาที่เว้นว่างจากการทำนา หรืออาจจะซื้อแบบที่มีการเลี้ยงก็ได้เช่นกัน แล้วนำมาจัดเตรียมดังนี้เลย 1. นำปูนาที่ได้มาล้างน้ำให้สะอาด เพื่อให้ดินและโคลนออกให้หมดจากตัวปู ปูนาล้างให้สะอาด 2. นำปูนาที่ล้างสะอาดแล้วมาปิ้งบนเตาไปให้สุกมีลักษณะส้มเหลือง 3. พร้อมทั้งปิ้งพริก หอมแดง และกระเทียมเหลืองสวย เพื่อเกิดความหอมด้วยเครื่องเทศ 4. จากนั้นนำปูนาที่ปิ้งจนสุก และเครื่องเทศที่เตรียมไว้ใส่ลงครกและตำให้เข้ากัน ปูนาที่ปิ้งจนสุก
จากพนักงานประจำลาออกเป็นนายตัวเอง เริ่มต้นจากความชอบสู่ธุรกิจฟาร์มปูนา เริ่มต้นจาก 100 คู่ เลี้ยงในกระชังบก หลังจากนั้นเริ่มศึกษาการเลี้ยงในบ่อดิน การเลี้ยงปูนาในบ่อดินจะให้โตไว ขยายพันธุ์เร็ว ตัวอวบ แข็งแรง หากใครอยากเลี้ยงปูนาให้ตัวเบิ้มๆ ตัวอวบ แข็งแรง ต้องเริ่มจากการเข้าใจพฤติกรรมของปูนา อาหารที่ใช้เลี้ยง รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ใช้เลี้ยงปูนาเองก็สำคัญ เพราะสภาพแวดล้อมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปูนาเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ คุณศุภนิดา พันธ์สืบพงศ์ หรือ พี่แพท เจ้าของธีรดาฟาร์มปูนาศรีราชา บอกเทคนิคการเลี้ยงปูนา มีกิน มีขาย ทำเงิน ทั้งเกร็ดเรื่องของพฤติกรรมปูนา และปัจจัยภายนอกที่ช่วยให้ปูมีลักษณะตามที่ตลาดต้องการ ไม่มีอะไรยากแค่ใจรักก็สามารถเริ่มทำอาชีพนี้ได้ ก่อนที่จะเริ่มเลี้ยงปูนาก็ศึกษาว่าเลี้ยงปูนาสายพันธุ์ไหนดี พบว่าปูนาสายพันธุ์พระเทพ-กำแพงเป็นปูนาที่น่าเพาะเลี้ยง จุดเด่นของสายพันธุ์นี้ เลี้ยงง่าย โตเร็ว มีขนาดลำตัวค่อนข้างใหญ่ เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักตัวละ 2 ขีด ถ้าขายเป็นกิโลก็ทำเงินได้เยอะเลยทีเดียว ปูนาส่วนใหญ่สามารถนำไปทำเป็นเมนูต่างๆ ได้ แต่มักจะนิยมไปทำน้ำพริกปู นำไปดองใส่ส้มตำ
“จับปูดำขยำปูนา จับปูม้าคว้าปูทะเล สนุกจริงเอยเอ๊ยเอยนอนเปล ชะโอละเห่นอนเปลหลับไป” สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักและคิดถึงทุกท่าน เชื่อว่าหลายท่านน่าจะจำเพลงกล่อมเด็กเพลงนี้ได้นะครับ ในเพลงบอกถึงปูชนิดต่างๆ ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม เด็กๆ ก็ได้จินตนาการและหลับไปอย่างมีความสุข นั่นเป็นเพลงกล่อมเด็กเนอะ แต่ในความเป็นจริง ปูนาเป็นสัตว์ที่น่าสงสารอย่างยิ่ง เมื่อถึงฤดูกาลทำนา ปูนาแต่ละตัวก็เป็นศัตรูของต้นข้าวในนา จนชาวนาต้องซื้อยาฆ่าปูมากำจัดกันอย่างหลากหลาย ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในผืนนาขยายวงไปทั่วประเทศ “ปูนากัดกินต้นข้าว” นี่คือความผิดที่ต้องสังเวยชีวิต โลกนี้มีความยุติธรรมเสมอ เมื่อปูนาถูกจำกัดมากขึ้น ก็ส่งผลถึงห่วงโซ่อาหาร การขาดหายไปของปูนา ส่งผลถึงกระทั่งธุรกิจต่อเนื่อง เช่น ร้านส้มตำ ที่ปัจจุบันจะเห็นว่ามีแต่ปูทะเลเป็นส่วนมาก หาปูนาดองกินยากมากแล้ว และมิใช่หายไปเพียงปูนา กุ้งฝอย หอยขม ปลาซิว ลดจำนวนลงอย่างสอดคล้องกัน ผมเองก็เป็นเด็กบ้านนอก ในช่วงฤดูกาลทำนาหน้าฝน อาหารจากท้องนามีอยู่มากมาย ปักเบ็ดก็ได้ปลา ขึงข่ายก็ได้ปลา กระทั่งใช้ไฟส่องในยามค่ำคืนก็มีปลาให้จับมาทำอาหารอย่างสมบูรณ์ ในส่วนที่น้ำ
หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ในปี 2542 คุณชลรัตดา จันนา หรือ คุณนก ก็เข้าทำงานในบริษัทเอกชน ในแผนกบรรจุภัณฑ์ หรือแพ็กเกจจิ้ง แต่หลังจากทำงานได้เพียง 2 ปี ก็ค้นพบว่าตนเองไม่ชอบทำงานที่ต้องตอกบัตรเข้างาน และทำอะไรซ้ำๆ เดิมๆ ไม่ค่อยได้พบปะพูดคุยกับใคร จึงตัดสินใจลาออกกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่ตั้งรกรากทำมาหากินที่อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี โดยพ่อแม่ของคุณนกเปิดร้านขายของชำอยู่แล้ว เมื่อคุณนกลาออกจากงานพร้อมเงินเก็บที่มี 50,000 บาท มาเปิดร้านอาหารตามสั่งภายในพื้นที่เดียวกันกับบ้านที่เปิดขายของชำ ซึ่งกิจการก็เป็นไปด้วยดี มีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย กระทั่งในปี 2563 ที่มีการระบาดของโควิด-19 น้องชายที่เคยทำงานเป็นช่างไฟฟ้าที่ทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างก็มีงานน้อยลงหรือแทบจะเรียกว่าไม่มีงานทำก็ได้ และลูกค้าของร้านก็ลดลงอย่างมาก เพราะผู้คนเริ่มตกงาน ประหยัดการใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่รายจ่ายในชีวิตประจำวันยังคงเท่าเดิมและบางอย่างก็เพิ่มขึ้นด้วย จากจุดนั้นทำให้คุณนกเกิดความคิดว่าต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มเติมเพราะคุณนกเองก็มีลูกชาย 1 คนที่ต
ปูนา ยังเป็นอีกหนึ่งสัตว์น้ำที่ยังได้รับความนิยมในเรื่องของการเลี้ยงสร้างรายได้ จะเห็นได้ในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่ยังนิยมนำปูนามาเป็นส่วนประกอบของอาหารอยู่เป็นประจำ อาทิ ส้มตำ น้ำพริก ที่มีการนำปูนามาเป็นเครื่องเคียงทำให้รสสัมผัสที่อร่อยลงตัวไม่น้อย จากความนิยมบริโภคนี้เอง จึงทำให้ปูนาได้มีการเลี้ยงเป็นเชิงการค้ามากขึ้น โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงเข้าใจในอุปนิสัยของปูนาว่าต้องการอยู่ในพื้นที่แบบใด และน้ำที่ใช้เลี้ยงต้องมีความสะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้การเลี้ยงปูนาประสบผลสำเร็จ เป็นสินค้าที่สร้างรายได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะสามารถทำการตลาดได้หลากหลาย คุณสุรีย์พิชา คำมูลมาตบ์ หรือ คุณแตงโม อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ที่ 1 บ้านนาคำน้อย ตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างรายได้ช่วงโควิด จึงได้มาศึกษาการเลี้ยงปูนาจากสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ และเข้าไปดูงานจากหลายๆ ฟาร์มที่เลี้ยงปูนาประสบผลสำเร็จ จากนั้นนำองค์ความรู้ที่ได้ปรับเข้ากับสถานที่เลี้ยงของเธอเอง พร้อมทั้งค่อยๆ สร้างตลาดอย่างเป็นขั้นตอน จนปัจจุบันมีการทำตลาดออนไลน์เข้ามาช่วยอีกหนึ่งช่องทาง จึงทำให้เกิดรายได้อยู่กับบ้
คุณอุทิศ พัฒบุบผา อายุ 51 ปี บ้านนาน้อย หมู่ที่ 5 ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ 46000 โทร. (091) 731-0813 เดิมทีเธอไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร จนลูกสาว คุณเนตรนิษฐา พัฒบุบผา เรียนหนังสือจบการศึกษาปริญญาตรี ลูกชายจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 ออกมาช่วยงานครอบครัว ส่งสามีคือ คุณทองสิน พัฒบุบผา อายุ 54 ปี กลับบ้านก่อนให้ดำเนินกิจกรรมไร่นาสวนผสม 5 ปีที่ผ่านมา ในที่ดิน 19 ไร่ ตนเองกลับมาเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา มาทำเกษตรกรรม เหนื่อยแต่ต้องอดทน มีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว การที่จะขุดไร่นาเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากๆ เพราะคุณแม่จะหวงนา ขุดบ่อ ขุดคลอง ต้องขอนุญาต…พอแบ่งที่ดินให้ลูกให้หลาน คุณแม่บอกว่า ตามใจจะทำอะไรก็ทำ ทุกวันนี้ท่านสบายใจแล้ว เพราะเกิดผลผลิต ข้าว พืช สัตว์ ประมง ครบวงจร มีรายได้รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายปี ท่านมีความสุขเมื่อมาที่นี่ ไผ่บงหวานพันธุ์สายน้ำผึ้ง…พื้นที่ 2 ไร่ 1,000 กอ เกิดรายได้ กอละ 1 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 100 บาท ปีละ 100,000 บาท ความเป็นจริงผลผลิตมากกว่านั้น/กอ เพิ่มมูลค่าทำหน่อไม้หวานขาว เอาแกลบดำใส่ถุงคว่ำถมหน่อที่กำลังเจริญเติบโต หน่อไม้หวานจะขาวอวบ ร
นางสุจารีย์ พิชา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท.5) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า “ปูนาน้ำใส” นับเป็นอีกหนึ่งสินค้าเกษตรที่จังหวัดบุรีรัมย์ให้การส่งเสริมและสนับสนุน เนื่องจากเป็นสินค้าทางเลือกใหม่ที่มีอนาคต สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ประกอบกับปูนายังเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมของผู้บริโภคในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถนำไปแปรรูปและนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ซึ่งปัจจุบันตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง จากการลงพื้นที่ของ สศท.5 เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตและตลาดปูนาในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า เกษตรกรให้ความสนใจและเริ่มมีการเลี้ยงปูนากันมากขึ้น ซึ่งจากการสัมภาษณ์เกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงปูนา คือ นางสาวพาพัชร ศรีชนะ เจ้าของศูนย์เรียนรู้การเลี้ยงปูนาน้ำใสในบ่อผ้าใบ จังหวัดบุรีรัมย์ บอกเล่าว่า เดิมนั้นตนทำบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว (โฮมสเตย์) แต่เนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จึงผันตัวเองมาเลี้ยงปูนาน้ำใสในบ่อผ้าใบ (กระชังบก) เป็นอาชีพเสริม โดยเริ่มต้นจากการซื้อปูนาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จำนวน 10 คู่/กร