องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศเยอรมัน (GIZ)
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่ากรมส่งเสริมการเกษตร และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน หรือ GIZ ได้วางเป้าหมายร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีส มีเป้าหมายที่จะบรรลุการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยแผนการมีส่วนร่วมได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ไว้ที่ร้อยละ 20-25 ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งภาคเกษตรกรรมถูกกำหนดให้เป็นภาคส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้จากความร่วมมือที่เกิดขึ้นกรมส่งเสริมการเกษตรได้วางแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยวิธีการเกษตรกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู (Climate Smart and Regenerative Agriculture) ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีหมุนเวียนและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการปรับตัวและบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนต่าง ๆ เช่น ต้นทุนเอกชน ที่เกิดขึ้นกับผู้ผลิตจากการใช้ปัจจัยการผลิตต่างๆ ในการผลิต และต้นทุนสัง
พังงา 30 พฤษภาคม 2567 – บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ ของเยอรมัน (GIZ) รวมทั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและกลุ่มเกษตรกรรายย่อยร่วมกันประกาศความสำเร็จในการยกระดับ มาตรฐานการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน พิธีฉลองความสำเร็จของโครงการการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน (Sustainable Palm Oil Production and Procurement หรือ SPOPP) ครั้งนี้ จัดขึ้น ณ โรงแรมอวานีพลัส เขาหลัก จังหวัดพังงา โดยมีผู้แทนจาก GGC และ GIZ รวมทั้ง องค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน หรือ RSPO ประเทศไทย กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 60 ท่านเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน โดยภายในงาน มีการนำเสนอข้อมูลความสำเร็จของโครงการฯในหัวข้อ “เส้นทางความสำเร็จของการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน” จากผู้ที่มี ส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและรับซื้อ ทั้งเกษตรกรรายย่อยผู้ผลิตปาล์มน้ำมันที่ได้รับการรับรองจาก RSPO ประเทศไทย ไปจนถึงโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน และ GGC นายกฤษฎา ประเสริฐสุขโข กรรมกา
นางสาวบุษบา วงศ์นภาไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และรัฐกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด (เป๊ปซี่โค ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทฯในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ “เลย์” มันฝรั่งทอดกรอบยอดนิยมของไทย เราให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตควบคู่กับแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการมีธรรมาภิบาล (ESG : Environmental, Social and Governance) เพื่อตอบสนองเทรนด์ของผู้บริโภค และสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อโลก “กลยุทธ์ pep+ ที่บริษัทดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2564 ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งเสริมให้เกษตรกรที่เพาะปลูกมันฝรั่งประสบความสำเร็จในหลายมติ ทั้งการเพิ่มความสามารถ แนวทางการปฏิบัติที่ดีด้านการเกษตร ตลอดจนการพลิกโฉมการเกษตรไปสู่ความยั่งยืน ถือเป็นการสร้างแนวทางใหม่ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้คนและโลกผ่านผลิตภัณฑ์อาหาร อย่างแบรนด์เลย์” นายอานนท์ สุนทรนนท์ ผู้จัดการฝ่ายเกษตรประเทศไทย บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรด
การเพิ่มพื้นที่ “การทำนาข้าวที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ” มีศักยภาพสูงมากในการลดผลกระทบและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อเกษตรกรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่าการผลิตข้าวตระหนักถึงประโยชน์ที่ได้และร่วมมือกันเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิทยากรหลักและวิทยากรเกษตรกรมากกว่า 30,000 คน ได้รับการฝึกอบรมการผลิตข้าวยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนแนวปฏิบัติอย่างยั่งยืนในการผลิตข้าวตามมาตรฐานสากล ผลลัพธ์ความร่วมมือไทย-เยอรมัน ช่วยให้ภาคเกษตรไทยสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 915,053 ตันคาร์บอนได้ออกไซด์เทียบเท่า 7 ธันวาคม 2565 – โครงการความร่วมมือไทย-เยอรมันด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาคเกษตรกรรม (Thai-German Climate Programme – Agriculture) ประกาศความสำเร็จสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อส่งเสริมวิถีการปลูกข้าวลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทยให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาระบบการตรวจวัด รายงานและทวนสอบ (Monitoring, Reporting and Verification: MRV) สำหรับภาคส่วนข้าว นับเป็นความก้าวหน้าของภาคเกษตรไทยในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้
โครงการตลาดนำการผลิตเพื่อเกษตรกรรายย่อย (ประเทศไทย) บรรลุเป้าหมายนำร่องการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าของข้าวยั่งยืน สร้างโอกาสส่งออกข้าว 1.6 แสนตันให้ชาวนานับหมื่นราย เพื่อผู้บริโภค-สิ่งแวดล้อมปลอดภัย อุบลราชธานี / 2 กันยายน 2565 – ที่เวทีการประชุมเสวนาทิศทางการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตข้าวที่ยั่งยืน และพิธีปิดโครงการตลาดนำการผลิตเพื่อเกษตรกรรายย่อย (ประเทศไทย) (Market-oriented Smallholder Value Chain: MSVC Thailand) จัดขึ้น ณ ห้องประชุม เขื่อนสิรินธร อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย กรมการข้าว บริษัท โอแลม อกริ (Olam Agri) และคร็อป ไลฟ์ (Crop Life) ร่วมกันประกาศความสำเร็จ ปักหมุดพื้นที่ต้นแบบการปลูกข้าวหอมมะลิยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมเชื่อมต่อตลาดส่งออกผลผลิต เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรรายย่อยไทย โครงการตลาดนำการผลิตเพื่อเกษตรกรรายย่อย (ประเทศไทย) ภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาของเยอรมัน (BMZ) และโครงการ develoPPP มีกรอบระยะเวลาดำเนินกา
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรเเละสหกรณ์การเกษตร เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาเงินทุนสนับสนุนของ (Grant agreement) ในโครงการ Thai Rice NAMA “เทคโนโลยีการทำนา และมาตรการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการทำนาที่ยั่งยืนและลดโลกร้อน” พร้อมนายกฤษ อุตตมะเวทิน รองอธิบดีกรมการข้าว นายพงษ์พันธ์ จงรักษ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรเเละสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เเละนายไรน์โฮลด์ เอลเกส ผู้อำนวยการ GIZ ประจำประเทศไทยเเละประเทศมาเลเซีย องค์กรความร่วมมือประหว่างประเทศของเยอรมัน ณ ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีกรมการข้าวเเละองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอร์มัน (GIZ) มีความร่วมมือดำเนินโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เเละลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Thai Rice NAMA) ในพื้นที่เป้าหมาย 6 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี เเละสุพรรณบุรี โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม สามารถส่งผลต่อการลดภาวะโลกร้อนเเละเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้า
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมกับโครงการด้านนโยบาย ภายใต้แผนงานความร่วมมือไทย-เยอรมนี ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) จัดการประชุมสัมมนากลไกการเงินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “Thailand Climate Finance Conference: From International to Domestic Mechanism” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางการเงินและการลงทุนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบกลไกทางการเงินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนเกี่ยวกับความท้าทาย ช่องว่างและโอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ รวมทั้งความต้องการขอรับการสนับสนุนในการพัฒนาและการลงทุนในเทคโนโลยีที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการเชิงลึก การประชุมครั้งนี้ เปิดเวทีให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้แลกเปลี่ยนแนวคิดการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย โดยในช่วงการเสวนาได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกการเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วย ก
วงสัมมนาธุรกิจปาล์มชี้ชัด ภาครัฐ นักธุรกิจ และผู้บริโภค เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนน้ำมันปาล์มยั่งยืน ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย ด้วยการเรียกร้องบริษัทสินค้าโปรดของพวกเขา และช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยให้เข้าถึงตลาดโลกผ่านการรับรองมาตรฐานสากลของ RSPO เวทีการสัมมนาเชิงธุรกิจเรื่อง เส้นทางสู่การยกระดับตลาดปาล์มน้ำมันยั่งยืนในประเทศไทย ที่โรงแรมนิโก้ กรุงเทพฯ ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์กรเจรจาระหว่างประเทศ ว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน (RSPO) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ภายใต้โครงการการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย (Sustainable and Climate-Friendly Palm Oil Production and Procurement: SCPOPP) มีการอภิปรายใน หัวข้อ “ถึงเวลา…ยกระดับ น้ำมันปาล์มไทยสู่วิถียั่งยืน” โดยมีผู้แทนภาคธุรกิจ องค์กรระหว่างประเทศ และเกษตรกรรายย่อย ราว 70 ราย เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ผ่านแนวคิด “ความรับผิดชอบร่วมกัน” (Shared Responsibility) เพื่อตอกย้ำความสำคัญของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้บริโภคในประเทศที่ล้วนมีส่วนร่วมในการผลักดันและส่งเสริม
องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทยร่วมกับชมรมเครือข่ายพยาบาลผู้ให้สารน้ำแห่งประเทศไทย (Infusion Nurse Network of Thailand) และบริษัทบี. บราวน์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดอบรม “การพยาบาลผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดด้วยความปลอดภัย” ณ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 21-22 ตุลาคม 2562 กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทย ภายใต้หัวข้อการอบรม “การพยาบาลผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดด้วยความปลอดภัย” ณ โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 21-22 ตุลาคม 2562 เพื่อปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนและคู่มือปฏิบัติงานให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และได้มาตรฐานตามหลักสากล เพื่อความปลอดภัยของคนไข้และบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศไทย ในเรื่องขั้นตอนการจัดการและการใช้เข็มให้สารละลายทางหลอดเลือดดำ การอบรมมุ่งเน้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพทางการแพทย์ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางสาธารณสุข และลดความเสี่ยงในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย
องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน ผนึกความร่วมมือ มกอช.-กรมวิชาการเกษตร จัดอบรมเสริมเขี้ยวเล็บระบบตรวจสอบและกักกันสินค้าพืชนำเข้า-ส่งออกของไทย เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้าเกษตรระหว่างประเทศ รวมทั้งรองรับการเริ่มใช้ระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (e-Phyto) เชื่อมระบบประเทศอาเซียนภายในสิ้นปี 62 นี้ นางสาวจูอะดี พงศ์มณีรัตน์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้าเกษตรระหว่างประเทศของไทย และเตรียมความพร้อมการเริ่มใช้ระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (e-Phyto) เชื่อมระบบประเทศอาเซียนภายในสิ้นปี 62 นี้ เมื่อเร็วๆ นี้ มกอช. และกรมวิชาการเกษตร ได้ผนึกความร่วมมือระหว่างองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft fur Internationale Zusammenarbeit : GIZ) จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “National Training Workshop on Development of Phytosanitary Standard Operating Procedures” ให้แก่ เจ้าหน้าที่จากกองนโยบายมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร และกองควบคุมมาตรฐานของ มก