เทคโนโลยีชาวบ้าน
สมัยก่อน “กระจับเขาควาย” เป็นวัชพืชเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นพืชที่สามารถสร้างรายได้ให้ไม่น้อย ใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวเพียงแค่ 4 เดือนก็ได้ผลผลิตจำหน่าย สามารถเก็บขายได้ 2-3 รอบเลยทีเดียว กระจับเป็นพืชน้ำล้มลุกอายุหลายฤดู มีอยู่ทั่วไป ลักษณะเป็นกอลอยน้ำ ชอบน้ำนิ่ง มีรากหยั่งยึดดินและมีไหล ใบเดี่ยวมี 2 แบบ ใบที่ลอยน้ำมีก้านยาว อวบน้ำและพองเป็นกระเปาะตรงกลาง ทำให้ลอยน้ำได้ดี แผ่นใบมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนหรือรูปพัด ใบจะเรียงรอบลำต้นเวียนเป็นเกลียวถี่ๆ ทำให้ดูเหมือนใบแผ่เป็นวงรอบต้น ใบอีกแบบหนึ่งอยู่ในน้ำ เป็นเส้นฝอยๆ คล้ายราก ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีขาว ออกที่โคนก้านใบ มีกลีบดอก 4 กลีบ บานอยู่เหนือน้ำ เมื่อติดผลแล้วก้านดอกจะงอกลับลงน้ำและผลจะเจริญอยู่ใต้น้ำ ผลอ่อนสีม่วงอมแดงจะเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อแก่ ส่วนที่เป็นเขาโค้ง 2 ข้าง เจริญมาจากกลีบเลี้ยง ผลหรือฝักกระจับมีสีดำขนาดใหญ่ เปลือกหนาแข็งงอโค้งคล้ายเขาควาย เมื่อกะเทาะเปลือกนอกที่แข็งออก จะได้เนื้อในสีขาว มีแป้งมาก สำหรับประโยชน์ของกระจับมีมากมาย ซึ่งส่วนมากและการใช้ประโยชน์จากกระจับจะนิยมนำฝักกระจับ มากิน เนื้อของฝักกระจับสามาร
การตอนกิ่ง เป็นการขยายพันธุ์อีกวิธีหนึ่ง การทำให้กิ่งหรือต้นพืชเกิดรากในขณะที่ติดกับต้นแม่ เมื่อรากออกแล้วจึงสามารถตัดออกได้เป็นต้นใหม่ เพื่อนำไปปลูก ต้นที่ได้ก็จะมีลักษณะทางสายพันธุ์เหมือนกับต้นแม่นั่นเอง ✨วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้าน จะพาทุกคนไปดูขั้นตอนการตอนกิ่ง “มะเดื่อฝรั่ง” มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง ไม่ยากกว่าที่คิด และสามารถนำไปทำตามกันได้เลย แต่ก่อนอื่นไปเตรียมอุปกรณ์ที่จะต้องใช้กันก่อน 🪣อุปกรณ์ 👉🏻ต้นพันธุ์ที่จะใช้ในการตอนกิ่ง 👉🏻มีดคว้าน 👉🏻ถุงมือ 👉🏻เจลเร่งราก 👉🏻ขุยมะพร้าวอัดแข็ง 👉🏻ลวด หรือเชือก 👉🏻ฟิล์มห่อ 📌ขั้นตอนที่ 1 ก่อนเริ่มลงมือทำ ควรใส่ถุงมือขณะทำการตอนกิ่ง หลังจากนั้นมองหากิ่งที่คิดว่าจะทำการตอนกิ่ง โดยดูจากยอดจนถึงบริเวณที่จะทำการตอนให้ขนาดห่างกันประมาณ 30 เซนติเมตร ใช้มีดควั่นระยะห่างจากด้านบนและด้านล่างห่างกันประมาณ 2 นิ้ว 📌ขั้นตอนที่ 2 ควรควั่นตำแหน่งชิดใต้ข้อให้รอบกิ่ง โดยกดมีดเบาๆ ให้ลึกเพียงสัมผัสเนื้อไม้ จากนั้นควั่นแผลล่าง ให้ห่างจากแผลบนลงมาประมาณเท่าเส้นรอบวงของกิ่งหรือ 1.5-2.5 เซนติเมตร กรีดเปลือกในแนวตั้งระหว่างแผลบนและล่าง แล้วลอกเปลือกออก ทิ้งไว้สักพักเพื่อให้ย
ปุ๋ยคอก คือ ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้จากมูลสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในรูปของเหลวและของแข็ง ส่วนใหญ่จะเป็นมูลสัตว์เลี้ยง เช่น มูลวัว ไก่ เป็ด สุกร ประกอบด้วยอุจจาระและปัสสาวะของสัตว์ ซึ่งเป็นส่วนของซากพืชและสัตว์จากอาหารที่สัตว์ผ่านกระบวนการย่อยสลายจากระบบย่อยอาหาร ธาตุอาหารในปุ๋ยคอกจะมีปริมาณมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น วิธีการเลี้ยง การเก็บรักษา แหล่งที่อยู่ของสัตว์ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อพืชผักแล้ว ยังช่วยป้องกันรักษาหน้าดินและบำรุงดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืชด้วย ในปุ๋ยคอกมีการหมักหมมของเชื้อรา หากเราใส่ให้ต้นไม้ทุกวันจะส่งผลทำให้ดินเค็ม นอกจากนี้ มันจะยังทำให้ต้นไม้เราได้รับสารอาหารเยอะเกินจำเป็น และในช่วงหน้าฝนจะมีไนโตรเจนในอากาศเยอะอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยต้นไม้เยอะในช่วงนั้น พืชพรรณ พืชผัก พืชไม้ยืนต้น อาจมีความต้องการปริมาณปุ๋ยคอกแตกต่างกันไป รวมถึงลักษณะการปลูกที่แตกต่างกันด้วย จึงควรรู้วิธีใช้ปุ๋ยคอกให้มีประสิทธิภาพ ตามชนิดของพืชและลักษณะการปลูก เพื่อบำรุงพืชให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ชนิดของพืช – ข้าว จะใช้ปุ๋ยคอก 2 ตันต่อไร่ โดยหว่านให้ทั่ว แล้วไถกลบ ก่อนเริ่
เก้ากลิ่น ได้เริ่มต้นจากการคัดสรรดอกไม้คุณภาพ 9 ชนิดมาปรุงแต่ง จนเป็นกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อนำมาปรุงผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ ภายใต้ แบรนด์เก้ากลิ่น ให้มีกลิ่นหอมและสรรพคุณที่มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย วัตถุดิบธรรมชาติคุณภาพคัดพิเศษจากแหล่งธรรมชาติ และผ่านกระบวนการผลิตสมัยใหม่ที่มีคุณภาพและมาตรฐานรับรองเพื่อให้ผู้บริโภควางใจถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน คุณจันทนา วิชัย เจ้าของแบรนด์เก้ากลิ่น เล่าว่า อดีตเป็นอาจารย์สอนทางด้านเครื่องหอมที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาพระนครศรีอยุธยา มีความสามารถในการทำน้ำอบไทย น้ำปรุง แป้งร่ำ ชุดเครื่องหอมราชสำนักกรุงเก่า และเป็นผู้คิดค้นปรับปรุงสูตรน้ำปรุง น้ำอบไทยต่างๆ เพื่อพัฒนางานภูมิปัญญาไทยให้มีคุณภาพ ปัจจุบันได้รับการจดอนุสิทธิบัตร เรื่องน้ำหอมจากมะกรูดไทย โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา วัตถุดิบที่เลือกใช้ในผลิตภัณฑ์เก้ากลิ่นเป็นเกรดพรีเมียมที่ได้รับการรับรองเท่านั้น เพราะเชื่อว่าวัตถุดิบที่ดีจะนำมาซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ตำนานเครื่องหอมเก้ากลิ่นอยุธยา เป็นสิ่งที่นำมาประกอบกันทำให้เกิดกลิ่นห
กว่าจะมาเป็น “สวนผักหลังบ้าน” ก่อนหน้านี้ทำมาแล้วหลายอย่าง แต่ที่ทำมาตลอดคือการปลูกผัก เริ่มต้นจากปลูกผักสวนครัวเก็บขายตลาดนัดแถวบ้าน จากความสงสัยผักสลัดที่อยู่บนจานสเต๊กทำไมราคาถึงแพง ลองหาข้อมูล ลองผิดลองถูกจากประสบการณ์จนประสบความสำเร็จ คุณปรเมนทร์ ประมะโข หรือ คุณต้น อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ที่ 6 ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด จากพ่อค้าขายผักเริ่มจากความชอบปลูกผัก เดิมปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แต่ก็ได้ปรับเปลี่ยนเนื่องจากต้นทุนสูง จนปัจจุบันปลูกผักสลัดอินทรีย์เต็มตัว บนพื้นที่ 2 งาน ปลูกผักสลัดหลากหลายสายพันธุ์ เช่น กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค ผักสลัดแก้ว คอส บัตเตอร์เฮดก็มี และผักกาดหอมอิตาลี ทำรายได้หลักหมื่นต่อเดือน ผลตอบรับดีเกินคาด ออร์เดอร์เยอะไม่พอขาย คุณต้น บอกว่า เริ่มต้นที่จริงหลักร้อยก็สามารถเริ่มปลูกผักอินทรีย์ได้ ทำไม่ยาก ใครๆ ก็สามารถทำได้ ปัจจัยหลักของการปลูกผักอินทรีย์ เน้นการดูแลแบบธรรมชาติล้วนๆ ไม่ใช้ทั้งปุ๋ยเคมีและสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เน้นใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการเพาะปลูกอย่างการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก เพื่อให้พืชแข็งแรงต้านโรคต้านศัตรูพืชได้ พัฒนาต่อยอดจากผักสด และขายเมล
“ปีที่ผ่านมา สองสื่อคุณภาพอย่าง ‘เทคโนโลยีชาวบ้าน’ และ ‘เส้นทางเศรษฐี’ มีการเผยแพร่เนื้อหาคุณภาพสูง มุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกของแนวทางการสร้างงาน สร้างอาชีพ ธุรกิจ และนวัตกรรมการเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไอเดียให้เกษตรกรและ ผู้ประกอบการได้นำไปพัฒนาการทำการเกษตรและธุรกิจ ทำให้มีการเติบโต ทั้งจำนวนผู้ติดตาม การดำเนินงานของเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ และเทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ บน Social Platforms เติบโตในทุกช่องทาง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็น ‘วิดีโอแพลตฟอร์ม’ ส่งผลให้ ยอดการรับชมวิดีโอบน Facebook Page เติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยจำนวนผู้รับชมกว่า 90 ล้านวิว ในส่วนของแพลตฟอร์ม TikTok และ YouTube มีการเติบโต ทั้งจำนวนผู้ติดตาม ยอดปฏิสัมพันธ์ และยอดการรับชม ผลลัพธ์ดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์การผลิตเนื้อหาที่ตรงประเด็นและ เข้าถึงง่าย ส่งผลให้ YouTube เส้นทางเศรษฐี มีจำนวนการรับชมคลิปวิดีโอ “10 ล้านวิว” เติบโตขึ้นจากปีก่อน ถึง 63% ส่งผลให้มียอด Subscription ทะลุ 1 แสนราย ในปีที่ผ่านมา TikTok มียอดการรับชมคลิปรวม ยอดเข้าชมวิดีโอ 16 ล้านวิว และ ผู้ติดตามทะลุ 2 แสนยูสเซอร์ เทคโนโลยีชาวบ้าน
ใครมีปัญหาคอกหมูมีกลิ่น ไม่ว่าจะคอกดินหรือคอกปูน ล้างเท่าไหร่กลิ่นก็ยังเหม็น🍃 วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านขอนำเสนอ “สูตรน้ำหมักมะเฟือง” สูตรที่ใช้ให้หมูกินเพื่อความแข็งแรงและลดปัญหากลิ่นเหม็นในคอกหมู วิธีทำง่ายมากๆ สามารถนำไปทำตามกันได้ 🪴วิธีการ 1. ละลายจุลินทรีย์ พด.2 ในน้ำเปล่า 10 ลิตร คนให้เข้ากันนาน 5 นาที 2. เทกากน้ำตาลลง แล้วตามด้วยมะเฟืองสับเป็นชิ้นเล็กๆ 3. หมักใส่ภาชนะพลาสติกปิดฝาไม่ต้องสนิท นาน 1 เดือน จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาใช้ประโยชน์ 🪴วัตถุดิบ มะเฟือง จำนวน 3 กิโลกรัม กากน้ำตาล จำนวน 3 กิโลกรัม พด.2 จำนวน 1 ซอง น้ำเปล่า จำนวน 10 ลิตร ✨วิธีการนำไปใช้ – ใช้ผสมน้ำให้หมูหลุมดื่มตลอดทั้งวัน ในอัตรา น้ำหมักมะเฟือง 2 ช้อนโต๊ะ+น้ำ 10 ลิตร – เร่งการเจริญเติบโต ช่วยให้หมูเจริญอาหารได้ดี – ลดกลิ่นมูลหมูในคอกหมูหลุมได้เป็นอย่างดี 💡เคล็ดลับกำจัดกลิ่นขี้หมู – ล้างทำความสะอาดคอก 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้มูล เศษอาหาร ปัสสาวะ ไม่ถูกหมักหมม และส่งผลให้คอกหมูสะอาด ปลอดกลิ่น เชื้อโรคไม่ถามหาอีกด้วย – อาบน้ำทำความสะอาดตัวหมู จะช่วยให้ตัวหมูไม่สกปรก และลดกลิ
หลายๆ คนอาจจะสงสัย “จิบเบอเรลลิน” คืออะไร ก่อนอื่นวันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะพาทุกคนไปทำความรู้จักก่อน จิบเบอเรลลิน (Gibberellin) เป็นฮอร์โมนพืชที่มีโครงสร้างโมเลกุลขนาดใหญ่ ควบคุมการเจริญเติบโตและมีอิทธิพลต่อกระบวนการทางพัฒนาการ รวมทั้งการยืดของข้อ การงอก การพักตัว การออกดอก การแสดงเพศ การชักนำการสร้างเอนไซม์ รวมทั้งการชราของดอกและผล บางคนอาจจะทราบราคาค่อนข้างแรง วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านเลยมีสูตรการทำจิบเบอเรลลินจากหัวไชเท้า ที่ช่วยกระตุ้นพืชแตกยอด ที่สามารถทำไว้ใช้เองได้ ช่วยประหยัดไปได้ส่วนหนึ่ง ใครพร้อมแล้วไปดูสูตรกันได้เลย วัสดุอุปกรณ์ หัวไชเท้า 1/2 กิโลกรัม น้ำตาลกลูโคส 4 กิโลกรัม น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ลูก เครื่องดื่มชูกำลัง 1/2 ขวด วิธีทำ ปอกเปลือกหัวไชเท้า แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาปั่นให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำหัวไชเท้า ผสมกับน้ำตาลกลูโคส น้ำมะพร้าวอ่อน และเครื่องดื่มชูกำลัง คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน การนำไปใช้ นำส่วนผสมที่ได้ 50-100 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นพืชผักทุก 3-7 วัน สูตรนี้เป็นสูตรเร่งด่วนคือทำแล้วต้องใช้ให้หมด ถ้าไม่หมดสามารถเก็บในตู้เย็นได้ไม่เกิน 1 อาทิตย์ แต่ถ้าจะให้ได้ผลด
การปลูกผักเป็นกิจกรรมของครอบครัวที่ทำให้มีความสุขแม้ในพื้นที่อันน้อยนิดก็สามารถนำมาเป็นพื้นที่ปลูกผักได้ ดังที่เราได้นำเสนอเรื่องการปลูกผักในเมืองไว้หลายฉบับ ซึ่งสามารถเป็นแรงบันดาลใจได้ไม่มากก็น้อย ฉบับนี้เรานำเสนอ คุณแจ่มศรี และ คุณอโนเชาว์ พจนาธารงพงศ์ ซึ่งเป็นชนเผ่าปกากะญอ จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งสองท่านจบปริญญาตรี ด้านบัญชีและด้านภาษาอังกฤษ ทำงานเป็นพนักงานอยู่ในหน่วยงานระหว่างประเทศที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีเวลาว่างเพียงแค่เสาร์อาทิตย์ ก็เจียดเวลามาปลูกผักเพราะต้องการบริโภคผักปลอดสารพิษ ในบ้านจัดสรร 100 ตารางวา ที่แบ่งพื้นที่ 25 ตารางวา เป็นพื้นที่ปลูกผัก ในตำบลหนองแฝก อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ คุณแจ่มศรี เล่าให้ฟังว่า เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2560 เมื่อ 6 ปีที่แล้วเราสองคนซึ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานวันจันทร์ถึงศุกร์ ได้ซื้อบ้านจัดสรรเล็กๆ หลังหนึ่งที่มีพื้นที่เล็กๆ ข้างบ้าน ประมาณ 50 ตารางวา ตั้งใจจะทำสนามหญ้าและสวนผักเล็กๆ โดยการเริ่มต้นจากการไม่มีงบประมาณเลย เพราะทุ่มไปกับการซื้อบ้านหมดเเล้ว เราจึงค่อยๆ ทำไปทีละน้อยเรื่อยๆ โดยไม่มีกฎเกณฑ์ ทำแบบตามใจฉัน ชอบแบบไหนก็ปลูกแบบนั้น เราตั้งใจ
ถ้าพูดถึง “ต้นไม้” เวลาที่เลือกซื้อเคยสังเกตรูปทรงต่างๆ ของต้นไม้กันไหม ว่ามีหลากหลายรูปทรง ไม่ใช่ว่าต้นไม้ที่ซื้อไปปลูกจะสามารถปลูกตามมุมต่างๆ ของสวนได้นั่นเอง ใครกำลังมองหาต้นไม้ไว้ปลูกในสวน สิ่งสำคัญที่ต้องรู้จักและทำความเข้าใจก่อนปลูก การเลือกรูปทรงต้นไม้ให้เหมาะสมกับลักษณะพื้นที่สวน ให้ตอบโจทย์การใช้งาน หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกตถึงรูปทรงของต้นไม้มากนัก วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านรวบรวม 8 ทรงต้นไม้ มีลักษณะแบบไหนกันบ้างต้องไปดู 1. ทรงร่ม ต้นไม้รูปทรงนี้มักจะมีอายุหลายปี ลักษณะเป็นต้นไม้ใหญ่ โดยจะแผ่กิ่งก้านออกไปได้ไกล มักจะแผ่กว้างออกด้านข้างมากกว่าสูงขึ้น เป็นรูปทรงที่สะดุดตา ควรปลูกในพื้นที่โล่งที่ไม่มีต้นไม้ต้นอื่นร่วมด้วย เหมาะกับการปลูกในจุดที่ต้องการร่มเงาและใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใต้ร่มไม้ เช่น ลานกิจกรรม เนื่องจากมีกิ่งค่อนข้างทึบและรอบๆ ลำต้นโล่ง 🌳ต้นไม้ชนิดรูปทรงร่ม ได้แก่ จามจุรี ไทรย้อย โพ ไผ่น้ำเต้า หางนกยูง ประดู่อังสนา 2. ทรงกระบอก ต้นไม้รูปทรงนี้จะมีลักษณะเป็นแท่งสูง จะแผ่กิ่งก้านออกจากลำต้นในระยะเท่ากัน กิ่งของต้นจะชี้ขึ้นด้านบน มักปลูกเรียงชิดกันเพื่อใช้เป็นรั้วสำหรับช่