เทคโนโลยีชาวบ้าน
คุณณัฐยากร กันนิกากลาง หรือ คุณใบเตย สาวสวยเจ้าของฟาร์มสุนัขโกลเด้น Golden Future ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่นำความชอบเกี่ยวกับการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์มาสร้างอาชีพ ด้วยเพาะพันธุ์และทำเป็นฟาร์มสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์แบบครบวงจร จนมีชื่อเสียงในแวดวงของผู้ที่เพาะเลี้ยงสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ด้วยกันเอง แถมการันตีรางวัลชนะเลิศในการประกวดสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์อีกด้วย จุดเริ่มต้นของการเลี้ยงเริ่มจากการได้สุนัขสายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์เป็นของขวัญ จากนั้นเมื่อเลี้ยงแล้วเกิดความหลงรักในสุนัขสายพันธุ์นี้ จึงเปิดใจที่จะทำฟาร์มเพาะพันธุ์อย่างจริงจัง ด้วยการศึกษาหาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสุนัขสายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เป็นระยะเวลากว่า 7 ปี จนธุรกิจเดินหน้ามาถึงปัจจุบัน “มีพี่คนหนึ่งค่ะ เขาให้น้องมาเป็นของขวัญวันเกิด ก็เลยเริ่มศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับสายพันธุ์ของน้อง จากนั้นเริ่มมีการประกวดค่ะ ก็เลยเริ่มเพาะพันธุ์น้องหมาขายค่ะ โดยมีพี่ที่เป็นพาร์ตเนอร์ที่คอยดูแลฟาร์มกันมาจะ 10 ปีแล้ว ซึ่งเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญและให้คำปรึกษาค่ะ” ด้านวิธีการเพาะพันธุ์ภายในฟาร
เดิมทำธุรกิจจานเซรามิกจำหน่าย แต่มีวันหนึ่งคุณพ่อซื้อนกมา 1 กรง ประมาณ 60 ตัว เพื่อเอาไปเลี้ยงที่บ้าน จึงตั้งไว้หน้าร้านเพื่อที่จะนำกลับบ้านตอนเย็น แต่ก็มีผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้ความสนใจสอบถามราคาเรื่อยๆ จนปิ๊งไอเดีย เฮ้ย! น่าจะเวิร์ก เลยเป็นที่มาของนกคุณปลื้มจนถึงทุกวันนี้ คุณศศินา ทรัพย์เกษม หรือ คุณปลื้ม เจ้าของนกคุณปลื้ม เป็นวัยรุ่นยุคใหม่ที่มีความสนใจในการเลี้ยงนก เพาะพันธุ์ คิดสูตรอาหารเอง และยังมีหน้าร้านอยู่ที่ตลาดมารวย เรียกได้ว่าครบจบเรื่องนกที่ร้านเลยทีเดียว ทั้งอุปกรณ์ อาหาร ยา และยังให้คำปรึกษาสำหรับลูกค้าที่รับนกไปเลี้ยงเข้าสู่ปีที่ 6 คุณปลื้ม เล่าว่า เดิมไม่ได้เป็นคนที่ชอบนก แต่คุณพ่อคุณแม่ได้ซื้อลูกนกมาเลี้ยงสายพันธุ์ซันคอนัวร์ ซึ่งลูกนกจะมีลักษณะไม่มีขน เหมือนหนังไก่ จึงรู้สึกไม่ชอบ แต่พอเลี้ยงไปจนน้องโตขึ้นรู้สึกว่านิสัยขี้อ้อน มีความฉลาด จากความที่ไม่ชอบกลายเป็นรัก ด้วยลักษณะนิสัยของนกแต่ละสายพันธุ์จะมีจุดเด่นที่ต่างกัน จุดเริ่มต้นของ “นกคุณปลื้ม” เกิดจากคุณพ่อซื้อนกพันธุ์หงษ์หยกมากรงหนึ่งประมาณ 60 ตัว ตั้งใจจะนำไปเลี้ยงที่บ้าน ระหว่างนั้นได้นำกรงนกวางไว้หน้าร้านของต
ขึ้นชื่อว่าต้นไม้ ให้ทั้งความร่มรื่นและร่มเงา ทุกๆ บ้านต้องมีต้นไม้ปลูกกันแน่ๆ แต่สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาต้นไม้มาปลูกในบ้าน ต้องศึกษาข้อมูลจำเพาะ ลักษณะลำต้น ระบบรากก่อนว่าต้นไม้ชนิดนั้นๆ เหมาะจะปลูกในบริเวณบ้านหรือไม่ เนื่องจากต้นไม้บางต้น มีรากที่แข็งแรง โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นที่รอบบ้านน้อยๆ 2-4 เมตร ที่มักจะมีปัญหารากไม้ที่ปลูกใกล้บ้านชอนไชทำให้บ้านร้าวเสียหาย วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะมาแนะนำต้นไม้ที่ให้ร่มเงา รากไม่ชอนไช แต่ก่อนอื่นควรเลือกต้นไม้ที่มีขนาดเหมาะสมกับตัวบ้าน ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เป็นคุณสมบัติที่ดี และน่าเลือกมาปลูกนั่นเอง 🌿ต้นล่ำซำ ต้นล่ำซำ เป็นต้นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่หลายบ้านนิยมปลูก ทางฮวงจุ้ยถือว่าการปลูกต้นล่ำซำจะช่วยนำพาความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือธุรกิจต่างๆ มาให้แก่ผู้ปลูกและคนในบ้านด้วย ยังเป็นต้นไม้จัดสวนฟอร์มสวยที่นิยมปลูกในบริเวณบ้านเพื่อให้ร่มเงา อีกทั้งยังเป็นไม้ยืนต้นที่ใบไม่ค่อยร่วง ไม่ต้องคอยทำความสะอาดพื้นบ่อยๆ และลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็ง ยืนต้นขนาดไม่ใหญ่มาก สูงได้ถึง 25 เมตรเลยทีเดียว ควรปลูกห่างจากบ้านประมาณ 5-6 เมตร ป้อง
พลิกวิกฤตเป็นโอกาสของคุณพ่อศิริ โดยก่อนหน้านี้คุณพ่อศิริมีปัญหาทางด้านสุขภาพ ป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ แต่เมื่อคุณพ่อศิริได้ทานสมุนไพรมะม่วงหาว มะนาวโห่เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จนอาการดีขึ้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นรวบรวมสายพันธุ์นำมาปลูกที่สมุทรสงคราม จนกลายเป็นธุรกิจครบวงจรของเกษตรกรยุคใหม่ เป็นศูนย์การเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยงเชิงเกษตร คุณทสม์ เจริญช่าง เจ้าของสวนมะนาวโห่ลุงศิริ ต่อจากรุ่นคุณพ่อ คุณทสม์ เล่าว่า “ถ้ามองย้อนไปในช่วง 12 ปีก่อน ขณะที่คุณทสม์ยังศึกษาปริญญาโทบริหารธุรกิจอยู่นั้น ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตร จึงใช้สวนมะนาวโห่ของคุณพ่อเป็นกรณีศึกษา จึงได้เริ่มปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสวนของครอบครัวพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และปลูกมะม่วงหาว มะนาวโห่ แบบเกษตรอินทรีย์ บนพื้นที่กว่า 40 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ผลไม้ชนิดนี้มีชื่อว่า “มะม่วงหาว มะนาวโห่” เรียกได้ว่ามีหลากหลายชื่อเลยทีเดียว บางคนก็เรียกว่า “หนามแดง” บางก็เรียกว่า “มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่” ซึ่งหลายๆ คนอาจจะได้ยินเรื
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันอุตสาหกรรมไก่เนื้อนั้นมีการขยายตัวอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะไก่ดำ ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ยังคงได้รับความนิยม เนื่องจากลักษณะผิวหนังที่มีสีดำและมีสรรพคุณทางด้านยาที่ใช้ในการบำรุงร่างกาย จึงทำให้ได้รับความต้องการอยู่เสมอ เช่นเดียวกับไก่ดำมองโกเลียที่มีถิ่นกำเนิดจากแถบเหนือของมองโกเลีย ประเทศจีน รูปร่างสวยงาม แข็งแรง ผิวหนัง เนื้อ กระดูก และเครื่องในมีสีดำ ขนมีหลากหลายสีปะปนกันไป ทั้งสีดำ ขาว ทอง และสีดอกหมาก รวมถึงมีลักษณะตัวที่ใหญ่กว่าไก่ดำอินโดนีเซีย คุณเรวัต พาดกลาง เจ้าของ เอแอนด์เอ ฟาร์ม ในพื้นที่ตำบลจันอัด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ที่เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์ “ไก่ดำมองโกเลีย” เมื่อเล่าย้อนเส้นทางการเป็นเจ้าฟาร์มในทุกวันนี้ คุณเรวัต เล่าว่า เรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาช่างเชื่อมโลหะ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตนครราชสีมา หลังเรียนจบจึงเข้าทำงานในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ในบริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนจะมองหาช่องทางในการหารายได้เสริม จึงเริ่มคิดและหาไอเดียจากความชอบส่วนตัวในเรื่องของสัตว์ปีก จึงเริ่มเลี้ยงไก่สวยงามเพาะพันธุ์ขาย ทำให้มีรายได้เข้ามาไม่ขา
เกษตรกรสาวสวยบึงกาฬ ที่ชาวโซเชียลรู้จักในนาม “เด็กเลี้ยงควาย by ใบเตย” จากเด็กเลี้ยงควายไล่ทุ่งเริ่มจากเลี้ยงแก้เหงากลายมาเป็นความชอบ ทำรายได้สูงสุดหลักล้านต่อปี เพื่อที่จะพัฒนาให้เป็นควายงามส่งเข้าประกวด โดยเริ่มพัฒนาจากแม่พันธุ์ควายเนื้อ เป็นควายงาม แรงบันดาลใจที่ทำให้เปลี่ยนความคิดและมุมมองเกิดขึ้นตอนไปเห็นควายในสนามประกวด คุณสริฏา เดชา หรือ คุณใบเตย เจ้าของโขงนทีฟาร์มควายไทย ตั้งอยู่ที่ หมู่ 10 ตำบลโพธิ์หมาแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เรียกได้ว่าเป็นวัยรุ่นสาวดีกรีปริญญาตรี จบจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สาขาสัตวศาสตร์ เอกการผลิตสุกร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จบเอกสายโคกระบือโดยตรง คุณใบเตย เล่าว่า ยังไงก็สามารถพัฒนาได้เหมือนหมู หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาและเลี้ยงพัฒนาให้เป็นควายงามที่ดี นิสัยความน่ารักของควาย เขาพูดไม่ได้แต่สามารถแสดงพฤติกรรมให้เห็น ความยากของการเลี้ยงควายที่พัฒนา คือ ความอดทน และระยะเวลา เนื่องจากควายที่พัฒนาจะใช้ระยะเวลาในการตั้งท้องเกือบปี กว่าจะได้แม่พันธุ์ต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี เรื่องของความอดทนจึงมาก่อน จุดเริ่มต้นที่สนใจ เกิดจากการที่เราจะซื้อควายงามมาเลี้ยงแต่ไม่รู้ประวัติ
รวม 10 ดอกไม้รับประทานได้ แถมช่วยเพิ่มสีสันความสวยงามให้กับจานอาหารของเราอีกด้วย ซึ่งดอกไม้บางชนิดสามารถนำมาทำได้ทั้งอาหาร และเครื่องดื่มสีสันหวาน หอม คุณประโยชน์จัดเต็ม ซึ่งดอกไม้ที่สามารถรับประทานได้จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย! 🌼ดอกเก๊กฮวย นิยมนำมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่มช่วยดื่มแก้กระหาย เพราะประโยชน์ของเจ้าดอกไม้สีเหลืองเล็กๆ ดอกนี้ช่วยบำรุงร่างกายแก้ร้อนใน มีฤทธิ์เย็นช่วยเพิ่มความสดชื่น 🪻ดอกอัญชัน ต่อด้วยดอกไม้สีน้ำเงินเข้ม แต่ที่เราเห็นว่าน้ำกลายเป็นสีม่วงซึ่งเกิดจากสารแอนโธไซยานินไปทำปฏิกิริยาเมื่อโดนกรด โดยประโยชน์ของเขาคือ อุดมไปด้วยสารอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ และช่วยบำรุงสายตา 🌼ดอกดาวกระจาย ดอกไม้ที่เรามักคุ้นชินว่าเป็นดอกไม้สวยงามปลูกตามริมรั้ว แท้จริงแล้วดอกไม้ชนิดนี้สามารถรับประทานได้ ดอกดาวกระจายมีสรรพคุณช่วยบรรเทาการอักเสบ และใบสดของดอกดาวกระจายยังขึ้นคือว่าเป็น “ราชาแห่งสลัด” อีกด้วย 🌸ดอกพวงชมพู อีกหนึ่งดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ประดับริมรั้ว เพราะด้วยความน่ารักของเจ้าดอกเล็กๆ สีชมพู ซึ่งแน่นอนว่าพวงชมพูสามารถรับประทานได้! แถมใช้เป็นวัตถุดิบในการทำข้าวยำอีกด้วย สรรพคุณของพวงชมพูคือ ช่วย
“ทุเรียน” ราชาผลไม้ของไทย มีหลากหลายสายพันธุ์ บางชื่อบางสายพันธุ์อาจจะไม่คุ้นหู แต่ทุเรียนไทยก็อร่อยไม่แพ้ของที่อื่น ยิ่งใกล้ฤดูของทุเรียนเมื่อไหร่ คอทุเรียนต้องรีบไปจับจ่ายกันแน่นอน ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผลไม้ที่ราคาค่อนข้างสูง แต่ก็มีหลายคนที่ยอมจ่ายเพื่อความอร่อย เอกลักษณ์เฉพาะที่หลายคนหลงใหล รู้ก่อน เตรียมก่อน กำเงินให้พร้อม คอทุเรียนห้ามพลาด วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้านจะพาไปส่อง 5 อันดับพันธุ์ทุเรียนแพงที่สุดในไทย จะมีสายพันธุ์ไหนกันบ้างต้องไปดู ราคาอาจจะแพง แต่ละลูกจะมีที่มาและมีเอกลักษณ์เด่น ที่ใครได้ลิ้มลองต้องบอกอร่อย สมกับราคาที่ยอมจ่าย อร่อยแค่ไหนก็ทุ่มสุดตัว อันดับที่ 5 ทุเรียนสายพันธุ์หนามดำ (สวนบ้านไร่ธนิสร) ทุเรียนสายพันธุ์หนามดำ หรือ โอวฉี่ มีการนำต้นพันธุ์มาทดลองปลูกควบคู่กับการปลูกลำไย และพบว่าให้ผลผลิตสมบูรณ์ ลูกกลม ตกไซซ์น้อย ดูแลง่าย ทนต่อโรคระบาดและราคาสูง ใช้เวลาปลูก 3-4 ปีก็ให้ผลผลิตแล้ว ทุเรียนหนามดำ หรือ โอวฉี่ มีถิ่นฐานมาจากมาเลเซีย จุดเด่นรสชาติจะหวานมัน หวานแหลม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อเยอะ เนื้อนุ่ม เนียน เหมือนทานเค้ก คล้ายกับการทานทุเรียนก้านยาวและพวงมณีผสมกั
วันนี้เทคโนโลยีชาวบ้าน บอกหมดเปลือก เคล็ดไม่ลับ “สูตรน้ำหมักปลา” เป็นแหล่งสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ดิน บำรุงต้น ช่วยให้ออกดอกเร็ว บำรุงต้นก่อนออกดอกช่วยให้ออกดอกเร็ว เก็บผลผลิตได้เร็ว ซึ่งการใส่น้ำหมักปลาลงดินจะช่วยให้จุลินทรีย์ในดินย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ได้เร็วยิ่งขึ้น ทำให้ปลดปล่อยธาตุอาหารที่มีประโยชน์ต่อพืชมากขึ้น ได้ผลผลิตปริมาณที่มากขึ้นและมีคุณภาพดี ช่วยให้ช่อดอกมีความยาวเพิ่มขึ้นและช่วยในการแตกยอดใหม่ของพืช แต่ถ้าใช้ในอัตราเข้มข้นก็จะทำหน้าที่ปราบศัตรูพืชได้ รวมถึงพืชสามารถใช้กรดอะมิโนในการผลิตฮอร์โมนพืชในกลุ่มออกซินได้ วิธีสังเกตว่าจะนำน้ำหมักมาใช้ได้ ระยะที่ 1 สังเกตน้ำหมักจะออกเข้มข้นเป็นฟองใหญ่ไม่แตกง่าย ระยะที่ 2 ฟองจะค่อยๆ เล็กและแตกง่ายจะมีกลิ่นหอม ระยะที่ 3 ฟองจะค่อยๆ เล็กลงมากมีกลิ่นน้ำส้มคล้ายกลิ่นแอลกอฮอล์และฟองจะละเอียดมากขึ้น วิธีใช้ : พ่นทางใบ ใช้ปุ๋ยน้ำ 1 ลิตรต่อน้ำ 100-150 ลิตร ปริมาณการพ่น 7-10 วันต่อครั้ง และใช้ราดลงดิน ราดโคน ใช้ปุ๋ยน้ำ 1 ลิตรต่อน้ำ 50 ลิตร ปริมาณการใช้อย่างน้อยปีละ 3-4 ครั้ง หรือ 30-40 วันต่อครั้ง ข้อแนะนำ : กรณีใช้ปลาทะเล ก่อนหมักให้ล้างปลาด
สะละพันธุ์สุมาลี มีลักษณะลำต้นคล้ายระกำ ทางใบยาวมีสีเขียวอมเหลือง ใบใหญ่กว้างและมีปลายใบสั้นกว่าพันธุ์เนินวง หนามของยอดอ่อนที่ยังไม่คลี่มีสีส้มอ่อน คานดอกยาว ช่อใหญ่ ติดผลง่าย มีรูปร่างป้อมสั้น สีเนื้อคล้ายสะละเนินวง มีเนื้อหนากว่าระกำ แต่บางกว่าพันธุ์เนินวง มีรสหวาน มีกลิ่นเฉพาะ เจริญเติบโตเร็ว และทนต่อสภาพแสงแดดจัดได้ดีกว่าพันธุ์เนินวง สะละเป็นพืชที่โตเร็วปลูก 3 ปี ก็ได้เก็บผลผลิตขาย และออกผลตลอดทั้งปี ที่สำคัญสะละสามารถปลูกร่วมกับพืชอื่นๆ ได้ อย่างเช่น หมาก ยางพารา ทุเรียน ก็สามารถปลูกได้เช่นกัน เพราะสะละต้องการแค่แสง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สะละเป็นพืชที่ไม่มีรากแก้ว เมื่อลมพัดแรงๆ จะทำให้เอนล้มได้จึงจำเป็นต้องทำเสาให้ และเสายังให้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือ โยงคานลูก ถ้าไม่โยงเมื่อคานหักก็จะทำให้เสียหายได้ และยังสามารถใส่รหัสของต้นนั้นๆ ได้อีกด้วย ง่ายและสะดวกต่อการดูแล สะละที่ขายผลสดจะอร่อย หอม หวาน และสะละที่เก็บผลผลิตได้นั้น สามารถนำมาแปรรูปได้ ทั้งสะละลอยแก้ว น้ำสะละ สะละกวน เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตได้อีกด้วย คุณจตุพงศ์ สุมา หรือ คุณกิ๊ก อยู่บ้านเลขที่ 154 หมู่บ้านป่าสงวน ตำ