ไม้ประดับ
ไม่ใช่เพียงการปลูกผักในบริเวณบ้านเท่านั้นที่จะถูกนำเสนอในคอลัมน์ เกษตรในเมือง แต่หมายถึงการปลูกพืชชนิดไหนก็ได้ ขอเพียงให้สามารถใช้ประโยชน์จากการปลูกทั้งในแง่ความมั่นคงทางอาหารหรือสุขภาพที่ได้บริโภคผักปลอดภัย หรือในแง่สันทนาการเพื่อความเพลิดเพลินสามารถคลายเครียดจากการทำงานในเมืองได้เป็นอย่างดี ไม้ดอกไม้ประดับส่วนใหญ่จะถูกปลูกไว้หน้าบ้านหรือในสวนข้างบ้านอยู่แล้ว จะมากจะน้อยแล้วแต่ความชอบกับความเหมาะสมของสถานที่ ภูมิอากาศสภาพแวดล้อมก็มีส่วนด้วย ตามข้อมูลของเฟิร์นสกุล Platycerium หรือชายผ้าสีดา ที่มีถิ่นกำเนิดตามธรรมชาติในประเทศไทยมีอยู่ 4 ชนิด คือ เฟิร์นหูช้าง เฟิร์นปีกผีเสื้อ ที่มีมากทางภาคเหนือและภาคอีสาน ส่วนเฟิร์นชายผ้าสีดาใต้ที่มีชายห้อยลงยาวกว่าชนิดอื่นและเฟิร์นเขากวางตั้งซึ่งมีชายตั้งตรงขึ้นไม่ได้ห้อยเหมือนชนิดอื่นพบในภาคใต้ ผู้เขียนเคยนำเฟิร์นทั้ง 4 ชนิดมาปลูกในภาคกลางปรากฏว่าเฟิร์นที่เติบโตได้ดีคือ เฟิร์นปีกผีเสื้อและเฟิร์นหูช้างของภาคเหนือและภาคอีสาน ส่วนเฟิร์นที่มาจากภาคใต้ คือเฟิร์นชายผ้าสีดาใต้และเขากวางตั้งปลูกค่อนข้างยาก เพราะตามถิ่นกำเนิดเดิมเฟิร์นเหล่านี้อยู่ในธรรมชาติที่
จังหวัดปราจีนบุรี ภูมิประเทศที่หลากหลายโดยพื้นที่ที่ราบลุ่มจะจัดสรรเป็นพื้นที่ทำนาและพื้นที่ราบสูงขึ้นมาหน่อยก็จะทำสวนไม้ผลโดยหลักๆ แล้วจะเป็นสวนทุเรียน ต่อมาประมาณปี 2546 ก็ได้เริ่มมีการทำไม้ดอกไม้ประดับกันมากขึ้น ทำให้เกษตรกรภายในพื้นที่มีการทำเกษตรที่หลากหลาย จึงเกิดเป็นช่องทางอาชีพทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณอำนวย พรมนนท์ เป็นเกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับเป็นอาชีพ จนเรียกง่ายๆ ว่าทำมาตั้งแต่เริ่มแรกก็ว่าได้ จนทำให้อาชีพ ไม้ดอกไม้ประดับนั้นสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวให้กับเขาได้เป็นอย่างดี คุณอำนวย ชายผู้มากด้วยรอยยิ้ม เล่าให้ฟังว่า ยึดอาชีพทำเกี่ยวกับไม้ประดับมาเป็นสิบปี โดยในแต่ละช่วงก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของพันธุ์ไม้ที่ปลูกไปตามที่ตลาดต้องการ โดยในช่วงก่อนหน้านั้นจะทำไม้จำพวกโมก ต่อมาเมื่อตลาดค่อยๆ หมดความนิยมลง จึงได้ปรับเปลี่ยนเป็นไม้จำพวกไม้ไทย ที่ลูกค้ามักนิยมนำไปปลูกเพื่อเป็นไม้ร่มเงาภายในบริเวณบ้าน “สมัยก่อนนี่ทำต้นโมก ช่วงนั้นตลาดดี แต่เสียอย่างเดียวโมกต้องหมั่นตัดแต่ง ต่อมาพอความนิยมเริ่มลดลง ก็เลยเปลี่ยนมาทำเป็นไม้ประดับ เป็นแบบไม้ขุดล้อม ตั้งแต่ขนาดใหญ่ ไปจนถึงขนาดเล็ก
แต่ละท้องถิ่นของไทย มีพืชแปลกๆ ให้ได้พบเห็น เดิมทีอาจจะซ่อนลึกอยู่ในหลืบ เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนนำมาปัดฝุ่น ประกอบกับการสื่อสารทันสมัย คนจึงรู้จัก พร้อมทั้งพัฒนา จนมีค่า มีราคาดี มะไฟกา ของ คุณโอสถ นราพงค์ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ของการเก็บสิ่งที่มีอยู่มารักษาไว้ ต่อมากลายเป็นสิ่งมีคุณค่า ปัจจุบัน คุณโอสถ อยู่บ้านเลขที่ 385 หมู่ที่ 1 ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มะไฟกา…คืออะไร มีญาติใกล้ชิดเป็นมะไฟ มะไฟกา มีชื่ออื่นๆ เช่น มะไฟแดง มะไฟแดงทับทิมสยาม ภาคใต้ แถบจังหวัดระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จะเรียกว่า มะไฟป่า ส้มไฟแดง ส้มไฟดิน เป็นไม้ผลพื้นเมืองของภาคใต้ รสชาติจะออกหวานอมเปรี้ยว ถือเป็นผลไม้มงคล ปลูกไว้สำหรับเพื่อกินผลสดและปลูกเป็นไม้ประดับสีสันสวยงาม สามารถนำไปปรุงเป็นซอสรสเปรี้ยว แทนส้มและมะนาว ทำส่วนผสมของไอศกรีมเชอร์เบท เนื่องจากมีผลสีแดง จึงเหมาะสำหรับใช้ไหว้เจ้าและเป็นของขวัญของกำนัล ด้วยเป็นผลไม้สีแดงทับทิม ตามคำภาษาชาวจีนเรียกว่า “อั่ง” เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี มีความสุขและความเจริญเติบโตรุ่งเรืองมั่นคง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบคร
“โชคเก้าชั้น” ไม้ประดับที่มีการพัฒนาสายพันธุ์อยู่เสมอ ทำให้เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ที่น่าจับตา ซึ่งลูกไม้ใหม่ที่ได้จะไม่เหมือนต้นแม่ แต่มีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้จบ ซึ่งสีที่นิยมจะเป็นสีแดงสดที่ตลาดมีความต้องการ คุณภาสกร ตินะโส หรือ คุณหนุ่ม สนใจปลูกโชคเก้าชั้นเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกมองว่าใช้เพื่อตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่เมื่อได้เรียนรู้และทำความรู้จักมากขึ้น จึงเกิดแรงบันดาลใจและพัฒนาพันธุ์ให้เกิดลูกไม้ใหม่ จนสามารถส่งไม้เข้าประกวดและส่งขาย ราคาถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับความสวยของไม้ ราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 800 บาท และราคาสูงสุดอยู่ที่หลักหมื่นบาท และถ้าเป็นต้นพ่อแม่พันธุ์นำไปพัฒนาทำจำนวน ขายอยู่ที่หลักหมื่นบาท
เริ่มต้นจากสวนผัก ปรับเปลี่ยนมาเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่เพียงต้องการแค่รักษาหน้าดินกลายเป็นอาชีพหลัก สามารถเลี้ยงดูครอบครัวและทำมูลค่ามากมาย จากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป จึงเกิดการปรับตัว คุณสุทธิพันธ์ บุญใจใหญ่ เกษตรกร อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เล่าว่า ในอดีตบริเวณที่ตนเองอยู่คือตำบลมหาสวัสดิ์ เป็นที่ลุ่มตามท้องถิ่น ขุดเป็นล่องเพื่อทำสวน แต่เกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง จึงคิดว่าถ้าทำสวนผักคงจะไม่ดีแน่ จึงหาต้นไม้ดอกไม้ประดับที่สามารถทนต่อการน้ำท่วมมาปลูก…ไม่ได้คิดที่จะทำเป็นธุรกิจ มีจุดประสงค์เพียงแค่รักษาหน้าดิน เริ่มต้นที่ พุทธรักษา คุณสุทธิพันธ์ ได้ศึกษาต้นพุทธรักษา สะสมมาเรื่อยๆ ประมาณ 10 สี เช่น สีแดง สี ส้ม สีชมพู เป็นต้น ทำควบคู่กับสวนผัก จนมาในช่วงปี พ.ศ. 2535 มีผู้สื่อข่าวคนหนึ่ง ชื่อว่า คุณพานิชย์ ยศปัญญา ผู้สื่อข่าวนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน มาทำข่าวเกี่ยวกับปศุสัตว์ ในตอนนั้นมีโครงการเลี้ยงวัว ทางครอบครัวผมเลี้ยงวัวนม จึงมาพบตนเองกำลังทำสวนผัก และมีต้นพุทธรักษาปลูกอยู่เยอะพอสมควร จึงนำไปเขียนข่าวทำให้สังคมได้รับรู้ว่ามีสวนพุทธรักษาสีสันสวยงาม ตอนนั้น คุณจำลอง ศรีเมือง ผ
คุณศุภสิทธิ์ ยอดบุตร หรือ คุณโอม หนุ่มผู้ชื่นชอบไม้ประดับจากใจจริง โดยเขาได้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการมาจับตลาดทำไม้แปลกไม้หายาก (Exotic Plants) จากนั้นพัฒนาในเรื่องของการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ไม้ในสวนไม่เพียงพอแต่ขายให้กับลูกค้าภายในประเทศเท่านั้น ยังมีลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาติดต่อซื้ออย่างสม่ำเสมอ จนเวลานี้สวนของเขาอาจเรียกได้ว่าเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่มีไม้สวยๆ ให้ลูกค้าได้พูดถึงกัน จากหนุ่มธุรกิจบาร์ สู่เกษตรกรปลูกไม้ประดับ คุณโอม เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนนั้นทำธุรกิจเกี่ยวกับบาร์อยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ต่อมาเมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาดมากในประเทศไทย ทำให้สถานการณ์บีบบังคับต้องหาช่องทางสำหรับหารายได้เพิ่ม แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบการปลูกต้นไม้ตั้งแต่เด็ก จึงได้มองการขายไม้ประดับใบเป็นอาชีพเสริม เพราะในช่วงนั้นไม้แปลกไม้หายากถือว่ากำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก “ช่วงนั้นเอาเงินก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ มาลงทุนเพื่อซื้อไม้แปลกไม้หายาก ถามว่ามั่นใจไหม ก็แอบกลัวอยู่นะครับ แต่คิดว่าเราอยากทำในสิ่งที่เราชอบ ก็เลยวัดดวงด้วยการซื้อไม้แปลกไม้หายากมาทำ ลงทุนซื้อต้นบอนหูช้
ในช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่ดอกเข้าพรรษากำลังจะออกดอกมาให้ได้เชยชมกัน ซึ่งก็เป็นช่วงที่จะเข้ากับเทศกาลเข้าพรรษาในทางพระพุทธศาสนา จึงทำให้เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ทุกคนจะนำดอกไม้ชนิดนี้ตัดดอกรวมช่ออย่างสวยงามเพื่อนำไปบูชาในการทำบุญ ซึ่งดอกเข้าพรรษาไม่เพียงแต่ตัดดอกขายได้เท่านั้น แต่ปัจจุบันเริ่มมีการปลูกและขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายเป็นพันธุ์ไม้ปลูกประดับมากขึ้น จนสามารถสร้างเป็นรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกได้ไม่น้อยทีเดียว คุณธวิยา พาป้อง อยู่บ้านเลขที่ 79/1 หมู่ที่ 12 ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ได้เห็นความสวยงามของดอกเข้าพรรษา จึงทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจและเรียนรู้ที่จะปลูกให้ได้ดอกที่สวยงาม เธอจึงได้เรียนรู้และนำไม้เข้ามาปลูกอย่างจริงจังจนประสบผลสำเร็จ และสามารถต่อยอดทำไม้ชนิดอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับเธอได้อีกด้วย คุณธวิยา เล่าว่า ก่อนที่จะมาเริ่มเป็นเกษตรกรเต็มตัวเหมือนเช่นทุกวันนี้นั้น สมัยก่อนเป็นพนักงานขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งในขณะนั้นตัวเธอเองกำลังตั้งท้องและมีกำหนดใกล้คลอด พร้อมกับโควิด-19 กำลังเริ่มระบาดจึงได้ตัดสินใจลาออกมาอยู่บ้านอย่างเต็มตัว ในช่วงนั้นได้ไปเห็นญาติปลูกดอกเข้
เฟิร์น (Fern) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Pteridophyta เป็นพืชอีกกลุ่มหนึ่งที่มีราว 20,000 สปีชีส์ โดยถูกจำแนกในไฟลัม Pteridophyta หรือ Filicophyta เฟิร์นเป็นพืชที่มีท่อลำเลียงที่แตกต่างไปจากไลโคไฟตา (lycophyte) ตรงที่มีลักษณะใบแท้จริง (megaphylls) ที่ต่างจากพืชที่มีเมล็ด และที่สำคัญระบบสืบพันธุ์ไม่มีดอกและเมล็ด ซึ่งวงจรชีวิตของเฟิร์นนั้นเป็นวงจรชีวิตแบบสลับ โดยมีระยะสปอโรไฟต์ที่มีโครโมโซม 2 ชุด (diploid) และแกมีโทไฟต์ที่มีโครโมโซม 1 ชุด (haploid) ซึ่งแกมีโทไฟต์ของเฟิร์นสามารถดำรงชีวิตได้อย่างอิสระ เฟิร์นเป็นพืชที่เจริญเติบโตช้าจึงมีความต้องการสารอาหารในปริมาณที่ไม่มาก ทำให้สามารถเจริญเติบโตได้บนดินที่เลว บนหิน ตามร่องหินหรืออาศัยอยู่บนต้นไม้ได้ จึงเป็นไม้ประดับที่นิยมนำมาตกแต่งภายในสวน เพื่อให้เกิดความอ่อนช้อยและมีมิติมากยิ่งขึ้น เมื่อนำมาปะปนอยู่กับไม้อื่นๆ ภายในบริเวณนั้น คุณสุเมธ ศรีสุนทร เป็นเกษตรกรปลูกเฟิร์นอยู่ที่ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยเฟิร์นที่เขาปลูกและขยายพันธุ์นั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ โดยเริ่มทำจากความชอบจนกลายมาเป็นอาชีพที่ทำรายได้ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี ค
ไม้ประดับ พืชอีกหนึ่งชนิดที่หลายคนให้ความสนใจ แม้จะไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหรือพืชยอดนิยมที่เกษตรกรนิยมปลูกกัน แต่ทว่าการค้าไม้ประดับก็สามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ขายได้ไม่แพ้พืชชนิดอื่นๆ เพราะต้นไม้ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญหล่อเลี้ยงใจให้กับมนุษย์ อย่างน้อยก็ช่วยให้เกิดร่มเงาและสร้างอากาศที่ดีให้กับบริเวณบ้าน คุณอัมพร กุมาลา แม่ค้าจำหน่ายไม้ประดับอยู่บ้านเลขที่ 180 หมู่ที่ 2 ตำบลเขาพระ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เล่าให้ฟังถึงอาชีพการค้าไม้ประดับว่า เดิมทีมีอาชีพทำไม้มาก่อน ก่อนจะเปลี่ยนอาชีพมาจำหน่ายไม้ประดับขนาดเล็ก เพราะว่ามีคนชวนและเล็งเห็นแล้วว่ามันต่างจากที่คนอื่นทำกัน ปัจจุบันทำอาชีพจำหน่ายไม้ประดับมาถึง 19 ปีแล้ว ก้าวแรกในการขายไม้ประดับ คุณอัมพร เล่าว่า เริ่มแรกขายไม้ไทยก่อนจำพวกไม้หอม ประยง กันเกา ลำดวน ลำดวนดอย ต้นพันธุ์ที่นำมาปลูกมีแหล่งที่มาคือจังหวัดปราจีนบุรี โดยจะซื้อไม้เล็กเข้ามาเป็นถุง แล้วจึงค่อยนำมาเปลี่ยนไซซ์กระถางไปเรื่อยๆ ซึ่งไม้เล็กที่ซื้อมาจะเป็นถุงเล็กๆ เริ่มแรกต้องนำมาเปลี่ยนกระถางก่อน ดินที่ใช้จะเป็นดินที่ผสมขึ้นเอง เพื่อลดค่าใช
เรียน คุณหมอเกษตร ทองกวาว ที่นับถือ ผมปลูกเลี้ยงอะโกลนีมาไว้หลายกระถาง ประดับไว้ในบ้าน ในระยะแรกที่ซื้อมาก็สวยงามดี ต่อมาไม่ถึงปีต้นกลับไม่งามเหมือนเดิม ใบสีไม่สด แถมใบตั้งชันขึ้น รูปทรงจึงไม่สวยงาม จึงขอเรียนถามว่า ผมจะต้องบำรุงอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอแสดงความนับถือ อาวุธ กระแสวงศ์ นนทบุรี ตอบ คุณอาวุธ กระแสวงศ์ อะโกลนีมา เป็นไม้ที่มีรูปทรงสวยงาม ใบมีสีสดใส การปลูกให้งามต้องรู้นิสัยของไม้ชนิดนี้ เริ่มตั้งแต่วัสดุปลูก มีหลายสูตร ดังนี้ สูตรที่หนึ่ง แกลบดิบ แกลบดำ เปลือกถั่วลิสง และใบไม้ผุ อัตรา 1 : 1 เท่ากัน สูตรที่สอง ดินร่วน 2 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน และเปลือกถั่วลิสง 1 ส่วน และ สูตรที่สาม กาบมะพร้าวสับและขุยมะพร้าว อัตรา 1 ส่วนเท่ากัน ก่อนใช้ปลูก คลุกเคล้าให้เข้ากัน อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คืออะโกลนีมาทุกพันธุ์ต้องการแสงแดดเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น จึงต้องทำร่มเงาให้ ส่วนใหญ่นิยมใช้ซาแรนสีดำตัดแสง กรณีที่ได้รับแสงมากเกินไปจะทำให้ใบตั้งชัน รูปทรงไม่สวยงาม ซึ่งตรงกับกรณีของคุณ ประการสำคัญการตั้งโรงเรือนต้องให้แสงสว่างได้รับทิศทาง หากแสงส่องเข้าได้มากใ