Featured เทคนิคเกษตร

ปลูกกระชายไว้ใช้ก็ได้ ขายก็ดี! แนะเคล็ดลับปลูกง่าย ปลอดโรค ขายได้ราคา

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพและเลือกใช้สมุนไพรเป็นทางเลือกในการดูแลตนเองมากขึ้น การปลูกพืชสมุนไพรไว้ใช้ในครัวเรือนจึงไม่ใช่แค่เรื่องของวิถีชีวิต แต่ยังสามารถพัฒนาไปสู่ช่องทางสร้างรายได้ที่มั่นคง หากเกษตรกรมีการวางแผนการผลิตอย่างสอดคล้องกับความต้องการของตลาด

หนึ่งในพืชสมุนไพรที่นิยมปลูกและมีคุณค่าทางยาสูงคือ “กระชาย” ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ให้คำแนะนำในการปลูกกระชายอย่างเหมาะสม เริ่มจากการเตรียมพันธุ์ที่ต้องเลือกเหง้ากระชายที่มีตาสมบูรณ์ ปราศจากโรคและแมลง และมีอายุไม่ต่ำกว่า 10 เดือน เหง้าที่ใช้ปลูกควรมีตา 3-5 ตา และมีรากติดลำต้นประมาณ 2 ราก ก่อนปลูกควรแช่หัวพันธุ์ในสารป้องกันเชื้อราและแมลงในดินประมาณ 30 นาที เพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว โดยในพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้หัวพันธุ์ประมาณ 400 กิโลกรัม

กระชายเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี การเตรียมดินจึงเป็นขั้นตอนสำคัญ โดยไถพรวนดินให้มีความลึกอย่างน้อย 25-30 เซนติเมตร และตากดินไว้ประมาณ 7 วันเพื่อปรับโครงสร้างดินและลดความเสี่ยงจากเชื้อโรค หลังจากนั้นให้ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเพื่อบำรุงดิน และยกร่องแปลงปลูกให้สูงอย่างน้อย 50 เซนติเมตร เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังที่อาจทำให้รากเน่า

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกกระชาย อยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน โดยใช้เหง้าที่เริ่มแตกตาเล็กน้อย ฝังลงดินลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร ด้วยระยะปลูก 10 x 15 เซนติเมตร สำหรับพื้นที่ที่มีประวัติการระบาดของโรคเน่า ควรเตรียมดินด้วยการอบฆ่าเชื้อโดยใช้ปุ๋ยยูเรียผสมกับปูนขาวในอัตรา 1:10 คลุกกับดินแล้วรดน้ำให้ชุ่ม ก่อนตบดินและปล่อยทิ้งไว้ 7 วัน เพื่อให้ปุ๋ยและสารปรับสภาพดินทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อปลูกเสร็จ ควรใส่ปุ๋ยขี้ไก่แห้งรองก้นหลุมหลุมละประมาณ 200 กรัม และคลุมแปลงด้วยฟางข้าวหนา 2 นิ้วเพื่อรักษาความชื้นและลดวัชพืช หลังจากนั้นรดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง ควรรดน้ำทุก 2-3 วัน และเมื่อกระชายแตกยอดแล้ว ควรให้น้ำในช่วงเย็นเพื่อป้องกันใบไหม้ หากต้นกระชายงอกยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ให้ใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟตในอัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อเร่งการเจริญเติบโต แต่ทั้งนี้ควรปรับอัตราการให้ปุ๋ยให้เหมาะสมกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน หลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยเคมีมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดโรคเน่าและต้นกระชายตายได้

กระชายสามารถเก็บเกี่ยวเหง้าได้ตั้งแต่อายุ 5-6 เดือน แต่ช่วงที่ให้สารสำคัญทางยาสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 8-9 เดือน การเก็บเกี่ยวควรทำขณะที่ดินยังมีความชื้น เพื่อให้สามารถขุดหรือถอนกระชายได้โดยไม่ทำให้รากขาดหรือหัก หากดินแห้งควรรดน้ำล่วงหน้าก่อนเก็บเกี่ยว


การป้องกันโรคเน่าถือเป็นปัญหาสำคัญที่เกษตรกรควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำให้ตรวจแปลงปลูกเป็นประจำ หากพบว่าค่าความเป็นกรด-ด่างของดินต่ำเกินไป ควรปรับปรุงด้วยการหว่านปูนขาวรอบโคนต้นในอัตรา 200-300 กิโลกรัมต่อไร่ หรือในช่วงเตรียมดินก่อนปลูกก็สามารถทำได้เช่นกัน การจุ่มเหง้ากระชายในสารป้องกันเชื้อราก่อนปลูกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคได้

การปลูกกระชายไม่เพียงแต่ช่วยให้ครัวเรือนมีวัตถุดิบสมุนไพรไว้ใช้ได้ตลอดปี แต่ยังสามารถต่อยอดสู่การสร้างรายได้ในเชิงพาณิชย์ หากมีการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับตลาด ก็สามารถยกระดับจากการปลูกใช้เอง ไปสู่การผลิตเชิงเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน

Related Posts