ประมง
“ปลานิล” ปลาเศรษฐกิจเลี้ยงง่าย โตเร็ว ได้รับความนิยมในทุกระดับ ปลานิลสามารถนำมาแปรรูปได้หลายประเภท ปัจจุบันมีการส่งออกปลานิลไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นิยมบริโภคปลานิลกันอย่างแพร่หลาย จุดเด่นของปลานิลอยู่ที่อัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้ปริมาณปลานิลมีมากพอที่จะส่งขายตลาดพื้นบ้านและตลาดต่างประเทศ ในราคาที่ไม่สูงมากนัก ปลานิลจึงเป็นขวัญใจของคนทุกระดับ ที่จังหวัดกาญจนบุรี จากหน้าศาลากลางจังหวัดเลี้ยวซ้ายผ่านศาลจังหวัด ข้ามสะพานแม่น้ำแม่กลองแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเลาะไปตามแม่น้ำขึ้นไปทางตะวันออกประมาณ 3 กม. จะถึงกระชังปลานิลลอยอยู่ในแม่น้ำแม่กลองเป็นจำนวนมาก จัดว่าเป็นฟาร์มปลานิลใหญ่ที่สุดของเมืองกาญจน์ และของประเทศก็ว่าได้ ฟาร์มปลานิลในกระชังเหล่านี้เป็นของ คุณเทียมศักดิ์ สง่ากชกร อดีตกำนันตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จากการเลี้ยงโคนม “กำนันเทียมศักดิ์” ผันชีวิตมาทำฟาร์มปลานิลเลี้ยงปลาในกระชังที่แม่น้ำแม่กลอง เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก “กำนันเทียมศักดิ์” เล่าถึงที่มาแต่หนหลังก่อนจะมาเลี้ยงปลานิลในกระชังว่า เมื่อก่อนทำฟาร์มเลี้ยงโคนม
ปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่เข้ามามีบทบาทในภาคการเกษตรแทบทุกวงการ ตั้งแต่ในเรื่องการปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ และรวมไปถึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเช่นกัน สำหรับทางด้านสายประมง เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ไม่เพียงเป็นเครื่องทุ่นแรงในการบริการจัดการเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงสัตว์น้ำให้มีคุณภาพ และเพิ่มความแม่นยำในทุกขั้นตอนการผลิต จนสามารถตรวจสอบย้อนกลับในทุกกระบวนการผลิตได้อย่างเป็นระบบระเบียบมากขึ้น คุณเสริมศักดิ์ พุ้ยมอม ผู้ก่อตั้งและเป็นประธานกรรมการ บจก.อเดคนิค เอ็นจีเนียริ่ง โซลูชั่น ให้ข้อมูลว่า การริเริ่มสร้างแอปพลิเคชันเอื้ออำนวยต่อการเลี้ยงปลานิลระบบปิด เกิดจากในสมัยก่อนเห็นการเลี้ยงปลานิลแบบระบบเปิดนั้น จะเน้นการใช้ความชำนาญของเกษตรกรผู้เลี้ยงเป็นหลัก พร้อมทั้งการจดบันทึกข้อมูลไม่มีความเป็นระเบียบอย่างที่ควรจะเป็น เพราะอาจทำให้เมื่อผลผลิตในระหว่างนั้นเกิดปัญหา เกษตรกรเองจะไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับในการตรวจสอบข้อมูลของปัญหานั้นๆ คุณเสริมศักดิ์และทีม จึงได้คิดค้นแพลตฟอร์มสำหรับการบันทึกแบบดิจิทัลขึ้นมา เป็นเว็บแอปที่ช่วยบันทึกข้
การเลี้ยงกบยังเป็นอาชีพที่หลายคนสนใจ เพราะกบเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เลี้ยงง่าย กินง่าย โตเร็ว สามารถเลี้ยงโดยไม่จำกัดพื้นที่ ขยายพันธุ์ได้เอง จับขายได้เงินทันที ขณะเดียวกันตลาดผู้บริโภคกบในตอนนี้ให้ความสนใจมากทั้งในและต่างประเทศ เพราะเนื้อกบมีไขมันน้อย เหมาะกับการนำไปปรุงอาหารหลายประเภท เช่น กบทอดกระเทียม กบย่างรมควัน กบผัดใบกะเพรา ยำกบ กบผัดเผ็ด จึงเกิดอาชีพเลี้ยงกบทั้งเป็นรายได้เสริมและรายได้หลัก ในบรรดาสายพันธุ์กบที่เลี้ยงเป็นอาชีพ ขณะนี้มีทั้งพันธุ์ต่างประเทศและพื้นเมือง โดยแต่ละพันธุ์มีข้อดีและด้อยต่างกัน การเลือกสายพันธุ์กบจึงถือเป็นข้อพิจารณาของผู้เลี้ยงที่เน้นความต้องการของตลาดเป็นสำคัญ แต่ส่วนมากแล้วผู้เลี้ยงดึงเอาลักษณะเด่นของแต่ละพันธุ์ออกมาพิจารณาควบคู่กับความต้องการของตลาด รวมทั้งต้นทุนในการเลี้ยง คุณประเชิน-คุณตุ้งหนิง อินทร์สิงห์ คู่สามี-ภรรยา ที่มีบ้านพักอยู่ เลขที่ 108/1 หมู่ที่ 5 ตำบลท่าฉนวน อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ประสบความสำเร็จจากการเพาะเลี้ยงกบเป็นอาชีพมานานกว่า 18 ปี ด้วยการใช้พันธุ์กบพื้นบ้าน เนื่องจากเลี้ยงง่าย แข็งแรง ตัวใหญ่ ต้นทุนน้อย โตเร็ว มีจำหน่ายท
ถ้าตั้งใจ ตั้งมั่น มีเป้าหมายในการดำรงชีพที่แน่นอน ไม่ว่าจะประสบกับปัญหาใด ก็ย่อมทลายกำแพงไปสู่เป้าหมายนั้นได้ เช่น คุณสุวัฒน์ แข็งแรง ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี หนุ่มใหญ่ที่มีใจรักการประมงมาตั้งแต่เล็ก อาจเพราะชีวิตผูกพันอยู่กับคลองใกล้บ้าน เห็นการเปลี่ยนแปลงของน้ำขึ้นและลงตามเวลา รู้ถึงช่วงเวลาของน้ำจืด น้ำเค็ม เพราะเป็นคลองที่เชื่อมต่อเส้นทางไปสู่ทะเล ความผูกพันเช่นนี้ ทำให้เขารักการทำประมง และยึดอาชีพประมงมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านหลายคนรู้จักคุณสุวัฒน์ ในแบบของชาวประมงที่เลี้ยงปลากะพง สร้างรายได้และทำกำไรดี เป็นตัวอย่างหนึ่งของอำเภอ เป็นที่ยอมรับมานานกว่า 10 ปี แต่เพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ทำให้คุณสุวัฒน์ จำเป็นต้องปรับตามเพื่อความอยู่รอด คุณสุวัฒน์ มีอาชีพหลักที่ทำควบคู่ไปกับการทำประมงคือ การเปิดอู่รับซ่อมรถ ซึ่งการทำประมงของสุวัฒน์ คือการเลี้ยงปลากะพงในบ่อ คุณสุวัฒน์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้าเลี้ยงปลากะพง เขาเคยเลี้ยงปลาดุกในบ่อซีเมนต์มาก่อน ได้ผลดี แต่เปลืองต้นทุนในเรื่องของอาหาร ประกอบกับมีที่ให้เช่าเป็นพื้นที่ทำบ่อเลี้ยงกุ้งเก่า จึงขอเช่าเพื่อเล
ปลาเทวดา (Angelfish) เป็นปลาน้ำจืด ที่มีรูปสี่เหลี่ยมรูปว่าว ลำตัวแบนข้าง มีปากขนาดเล็ก ครีบหลังเป็นกระโดงสูงอยู่ค่อนไปทางด้านหาง ครีบหลังยาวออกมาจากลำตัว ครีบท้องมีอยู่หนึ่งคู่เรียวเล็กและปลายชี้แหลม โดยส่วนมากจะนิยมนำปลาเทวดามาเลี้ยงในตู้เพื่อเป็นปลาสวยงามคู่กับพรรณไม้น้ำต่างๆ ปลาเทวดา เป็นปลาที่มีอุปนิสัยเรียบง่าย รักสงบ แต่ถ้าบางตัวมีลักษณะนิสัยก้าวร้าวก็ไม่สามารถนำไปเลี้ยงร่วมกับปลาสวยงามชนิดอื่นได้ โดยปลาชนิดนี้มีการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีสีสันและลวดลายที่สวยงามมากขึ้น เช่น ปลาเทวดาหินอ่อน ที่มีสีสันเป็นสีดำสลับกับสีขาวตลอดทั้งตัว การขยายพันธุ์ สามารถกระทำได้ง่ายๆ ทั้งในตู้เลี้ยง หรืออาจจะจัดพื้นที่สำหรับเพาะพันธุ์ให้ก็ได้ เพียงแต่ในบริเวณเพาะพันธุ์ใต้น้ำต้องมีวัตถุใส่ไว้ให้เป็นที่เกาะเวลาวางไข่บนวัตถุนั้น การวางไข่ของปลาเทวดาแต่ละครั้งอยู่ที่ 300-1,000 ฟอง ซึ่งพ่อแม่พันธุ์ที่พร้อมจะขยายพันธุ์ได้ ต้องมีอายุอย่างน้อย 8 เดือน ขึ้นไป คุณฐาปกรณ์ โสนะมิตร์ อยู่บ้านเลขที่ 6/1 หมู่ที่ 4 ตำบลศีรษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นเกษตรกรผู้เพาะพันธุ์ปลามาหลายสิบปี โดยปลาที่เขาเพาะส่วนใหญ่
คุณปรีชา ชะเอม เกษตรกรชาวจังหวัดชัยนาท เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงปลากระชังอยู่เหนือจากเขื่อนเจ้าพระยา จะมาแนะนำเทคนิคการเลี้ยงปลาสังกะวาด บอกว่า จะหาช้อนลูกปลาตามแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อใส่ลงในกระชังและบางส่วนติดต่อหาซื้อลูกปลาสังกะวาดจากพ่อค้าทางภาคอีสานและภาคเหนือ เพื่อนำมาเลี้ยงให้เป็นปลาไซซ์ใหญ่แล้วส่งขาย “พอเราได้ลูกปลามาจากพ่อค้า เป็นลูกปลาไซซ์ประมาณ 2-3 นิ้ว ก็เอามาใส่เลี้ยงในกระชังที่เราเตรียมไว้ ขนาด 5×5 เมตร ความลึกประมาณ 3 เมตร เอาลูกปลาสังกะวาดปล่อยประมาณ 20,000 ตัว ต่อกระชัง ก็เลี้ยงแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจับ ไม่ต้องย้ายกระชังอะไรอีก” คุณปรีชา บอกถึงขนาดของกระชังที่ใช้เลี้ยง อาหารที่ให้ลูกปลาสังกะวาดกินในระยะแรก จะเป็นอาหารเม็ดเล็ก ที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนประมาณ 40 ให้กินประมาณ 1-2 เดือน เมื่อเห็นว่าปลาเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จึงเปลี่ยนเป็นอาหารที่มีขนาดเม็ดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และจำนวนของเปอร์เซ็นต์โปรตีนลดลง ให้อยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเป็นการลดต้นทุน ซึ่งอาหารจะให้กิน วันละ 2 มื้อ คือช่วงเช้าและเย็น “เราจะให้อาหารกินวันละ 3 มื้อ ก็ได้ พูดถึงมันกินไหมมันกิน แต่ไม่ดี ต้องให้อย่างเหม
นอกจากตลาดปลาเนื้อที่ใช้บริโภคจะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทยแล้ว อีกด้านของตลาดปลาสวยงามก็มีมูลค่าในการจำหน่ายไม่แพ้กัน ซึ่งปลาสวยงามได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในบ้านเรา เลี้ยงเป็นสิ่งสวยงามประดับตกแต่งบ้านเรือนหรือบางรายเลี้ยงเสริมฮวงจุ้ยตามความเชื่อ จึงทำให้เกษตรกรที่เพาะพันธุ์ปลาสวยงามมีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบโจทย์ต่อความต้องการของลูกค้าที่มีความชอบหลากหลาย คุณกำพล สร้อยแสง อยู่บ้านเลขที่ 25/9 หมู่ที่ 3 ตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หันมายึดอาชีพเพาะพันธุ์ปลาทอง โดยก่อนหน้านี้อาชีพเกี่ยวกับการประมงไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาเลย แต่ด้วยสภาวะหลายๆ ด้าน จึงได้ตัดสินใจยึดเป็นอาชีพ เน้นเพาะลูกปลาทองส่งออกต่างประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี จากอาชีพช่างกล สู่ชีวิตเกษตรกร คุณกำพล เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ยังเด็กก็เห็นครอบครัวยึดอาชีพเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ปลาสวยงามมาตลอด แต่ช่วงนั้นเขาก็เพียงแต่ช่วยงาน และยังไม่ได้ยึดที่จะทำเป็นอาชีพ เมื่อจบการศึกษาได้ออกไปทำงานเกี่ยวกับด้านช่างกล เพราะเบื่อกับงานด้านเพาะพันธุ์ปลาสวยงาม มองว่าเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต จึงยังไม่อย
คุณยุภาพร ประถม อยู่บ้านเลขที่ 29/8 หมู่ที่ 1 ตำบลท่ามะเฟือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เล่าให้ฟังว่า ผู้ที่ริเริ่มเลี้ยงปลากระชัง คือ คุณพ่อ ซึ่งสมัยก่อนคุณพ่อของเธอเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เพราะด้วยปัญหาหลายๆ อย่างทางสายงาน จึงเลิกทำกิจการด้านนั้น และมาทำการทดลองเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำน่าน เพราะในสมัยที่คุณพ่อยังเป็นสมาชิกสภาจังหวัดได้ออกพื้นที่ต่างๆ เห็นอาชีพด้านการเลี้ยงปลา กระชังตามภาคกลางของประเทศ จึงนำสิ่งที่เห็นมาทดลองเลี้ยงที่บ้าน เพราะพื้นที่บริเวณบ้านอยู่ติดแม่น้ำน่าน “สมัยนั้นคุณพ่อเริ่มทำเป็นเจ้าแรกประมาณปี 46 ต่อมาจึงรวมกลุ่ม ตั้งเป็นกลุ่มเลี้ยงปลากระชัง ประมาณปี 49 ช่วงแรกๆ ทางกลุ่ม เลี้ยงไปได้ดี ต่อมาประสบปัญหาบ้าง ทำให้สมาชิกภายในกลุ่ม มีเลิกเลี้ยงไปบ้าง เพราะการจัดการหลายๆ อย่าง” คุณยุภาพร เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการทำอาชีพการเลี้ยงปลากระชังของครอบครัว ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ทำเป็นกระชังสำหรับเลี้ยงเธอบอกว่าเป็นเหล็กที่มีอยู่เดิม เพราะสมัยก่อนที่บ้านก็ทำอาชีพรับเหล่าก่อสร้างด้วย จึงได้นำเหล็กเหล่านั้นมาประกอบเป็นกระชังสำหรับเลี้ยงปลาในแม่น้ำ และเมื่อเลี้ยงมาได้หลายปี จึงเริ่มมี
“เดินทางมาถึงเมืองสุราษฎร์ ถิ่นหอยใหญ่ ถ้าพาดเรื่องหอย ก็คงจะเสียดายแย่” แน่นอนว่าหากพูดถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถ้ามีโอกาสเดินทางมาถึง เรื่องที่ต้องห้ามพลาดคือเรื่องหอย ดังคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ” เนื่องด้วยจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีภูมิประเทศหลากหลาย มีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์เหมาะกับทำอาชีพประมงเป็นอย่างยิ่ง อ่าวบ้านดอน ถือเป็นอ่าวที่สำคัญ มีขนาดใหญ่ มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย เป็นทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย และแหล่งอาหารของสัตว์นานาชนิด นอกจากพื้นที่อ่าวบ้านดอนยังเป็นแหล่งทำการประมง เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การเลี้ยงหอยแครงและหอยนางรม จึงถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจของคนเมืองสุราษฎร์ คุณลุงประกิต คงบุญรักษ์ อยู่บ้านเลขที่ 3/4 หมู่ที่ 2 ตำบลตะเคียนทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบอาชีพเลี้ยงหอยแครงมานานกว่า 20 ปี นับได้ว่าเป็นฟาร์มที่มีพื้นที่เลี้ยงหอยแครงใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด แต่ก่อนที่จะมาเป็นชาวประมง คุณลุงประกิตทำงานรับราชการ
การเลี้ยงปลากระชังในบ่อดิน เป็นวิธีการเลี้ยงปลาอีกวิธีหนึ่งที่เกษตรกรให้ความสนใจเลี้ยง เพราะเป็นวิธีที่ใช้พื้นที่เพาะเลี้ยงน้อยสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ค่าใช้จ่ายในการการเลี้ยงก็ไม่มาก สามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพเสริมที่มีผลตอบแทนคุ้มค่าได้เป็นอย่างดี คุณรำพึง เถือนถ้ำแก้ว อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 5 ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นเกษตรกรคนหนึ่งที่มีความสนใจในอาชีพประมง และหันมายึดเป็นอาชีพตั้งแต่อายุ 20 ปี คุณรำพึง เริ่มทำฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งในบ่อดินก่อน เลี้ยงไปได้ระยะหนึ่งก็ต้องพบกับปัญหาของตลาดและราคาที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องลดปริมาณการผลิตลงในบางส่วน ทำให้บ่อกุ้งที่เคยใช้เลี้ยงว่างไม่ได้ใช้ประโยชน์ คุณรำพึงจึงใช้ประโยชน์จากบ่อกุ้ง โดยการปรับปรุงใช้ทำเป็นบ่อเลี้ยงปลานิลไปพร้อมกับเพาะเลี้ยงกุ้ง “เราเลี้ยงแบบกึ่งอาศัยธรรมชาติ ปล่อยในบ่อดิน ให้อาหารเม็ด เช้า – เย็น ให้ปลาได้กินพืช กินแร่ธาตุในดินไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ผลตอบแทนในช่วงแรกๆ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับกุ้งและการทำนา แต่พอช่วงหลังเริ่มสังเกตุได้ว่าปลาที่เลี้ยงนั้นเริ่มโตช้าและใช้เวลาเ