มหาวิทยาลัยแม่โจ้
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 – มหาวิทยาลัยแม่โจ้ สนับสนุนความร่วมมือระหว่าง บริษัท อนิ โปรดัก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท spin-off จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และบริษัท นิวทริเมด จำกัด ในพิธีลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดและความต้องการของผู้บริโภค โอกาสนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วยผู้บริหารมหาวิทยาลัยร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการในครั้งนี้ โดยมี คุณพรพิมล บุญโคตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อนิ โปรดัก จำกัด และ คุณวิสูตร วิสุทธิไกรสีห์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิวทริเมด จำกัด เป็นผู้แทนลงนาม ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยาลัย ชั้น 5 สำนักงานมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ความร่วมมือนี้มุ่งเน้นการบูรณาการ เทคโนโลยีและงานวิจัยสู่ภาคเกษตรและปศุสัตว์ โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้จะร่วมมือกับภาคเอกชนในการพัฒนานวัตกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมเกษตรไทย เช่น ผลิตภัณฑ์จุ่มเคลือบเต้านมโคจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ป้องกันแมลงในสัตว์เลี้ยง และอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา คาดว่า จะช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิต และเสริมศักยภาพการแข่ง
กุ้งฝอย เป็นกุ้งน้ำจืดขนาดเล็ก ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีนและแคลเซียม ปัจจุบันนี้กุ้งฝอยในแหล่งน้ำธรรมชาติมีปริมาณลดลง สวนทางกับความต้องการของตลาด ที่ใช้กุ้งฝอยเพิ่มมากขึ้น สำหรับการบริโภค และใช้กุ้งฝอยเป็นอาหารเลี้ยงอนุบาลลูกปลาเศรษฐกิจ เช่น ปลาบู่ ปลาช่อน ปลากราย และปลาสวยงาม ทำให้ราคากุ้งฝอยในท้องตลาดตั้งแต่กิโลกรัมละ 200-300 บาท ดร.บัญชา ทองมี อาจารย์ประจำคณะประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เล็งเห็นศักยภาพทางการตลาดของกุ้งฝอย เป็นสัตว์น้ำทางเลือกที่เกษตรกรใช้สร้างอาชีพได้ จึงได้ศึกษาวิจัยเรื่องการเลี้ยงกุ้งฝอยในเชิงการค้าภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จนประสบผลสำเร็จ สามารถเผยแพร่องค์ความรู้ให้เกษตรกรนำไปเพาะเลี้ยงเป็นอาชีพได้ ลักษณะนิสัยของกุ้งฝอย กุ้งฝอยเป็นกุ้งน้ำจืด ชอบซ่อนตัวอยู่ตามใต้ก้อนหินหรือเกาะตามพรรณไม้ ชอบอาศัยอยู่ในน้ำนิ่งหรือไหลเอื่อยๆ น้ำขุ่น ลึกไม่เกิน 1 เมตร มีอินทรียวัตถุทับถมกัน กุ้งฝอยเพศเมียจะเริ่มมีไข่และผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ 60 วันขึ้นไป จะสร้างไข่เก็บไว้ในถุงเก็บไข่ กุ้งเพศผู้จะพยายามติดตามก
ปัจจุบัน กระแสเรื่องสิ่งแวดล้อมและการบริโภคเพื่อสุขภาพมีการตื่นตัวกันเพิ่มมากขึ้น ผู้คนทั่วโลกต่างเสาะแสวงหาสิ่งดำรงชีพที่ปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมีและสารพิษต่างๆ ทั้งๆ ที่มนุษย์รู้จักการใช้สมุนไพรป้องกันกำจัดศัตรูพืชมานานแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้กลับถูกมองข้าม ขาดการเผยแพร่ ประกอบกับสารเคมีทางการเกษตรในปัจจุบันหาได้ง่าย ใช้ได้ง่าย และเห็นผลรวดเร็วกว่า แต่เมื่อมีการใช้ในระยะเวลานานๆ ก็จะเริ่มส่งผลเสียออกมาให้เห็น มีทั้งผลกระทบต่อมนุษย์ สัตว์ พืช รวมทั้งสิ่งแวดล้อมด้วย จึงเป็นสาเหตุให้บรรดาเกษตรกรเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการปลูกพืชผักผลไม้ปลอดสารพิษ และหาวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะนำมาใช้ทดแทนสารเคมี พืชสมุนไพรจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด ซึ่งปัจจุบันภาคธุรกิจได้หันมาผลิตสารสกัดจากสมุนไพรเพื่อใช้สำหรับกำจัดศัตรูพืชออกมาจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย อาจารย์แสงเดือน อินชนบท สำนักฟาร์มมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคุณสมบัติต่างๆ ของสมุนไพรเพื่อให้มีการนำไปใช้ได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กล่าวว่า “สำหรับผู้ที่กำลังใช้หรือต้องการใช้พืชสมุนไพร ต้องทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่
ความปลอดภัยของผู้บริโภค ขึ้นอยู่กับเกษตรกรซึ่งถือว่าเป็นต้นน้ำแห่งความปลอดภัย เกษตรกรจะต้องมีจรรยาบรรณในการใช้สารเคมี จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้อย่างเคร่งครัด คือปฏิบัติตามฉลากที่ติดไว้บนภาชนะบรรจุ เมื่อพ่นสารไปแล้วจะต้องทิ้งช่วงระยะเวลาก่อนการเก็บเกี่ยวตามที่แนะนำในฉลาก ผู้บริโภคก็จะปลอดภัยในอันดับแรก ผศ.ขยัน สุวรรณ ภาควิชาอารักขาพืช อดีตหัวหน้าโครงการคลินิกพืช มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ให้คำแนะนำกับเกษตรกรก่อนจะตัดสินใจพ่นสารกําจัดแมลงว่า ขอให้มีการสํารวจตรวจสอบก่อนว่ามีแมลงอะไรมาก น้อยแค่ไหน อย่างไร เพราะส่วนใหญ่ยังคงใช้ วิธีเดิมๆ คือพ่นสารเคมีตามตารางที่กําหนดไว้ เช่น ทุก 2-3 วัน หรือทุกๆ 5-7 วัน ทั้งๆ ที่ไม่มีความจําเป็นต้องทําอย่างนั้นเลย เพราะไม่มีแมลงหรือมีก็ไม่มากพอที่จะทําความเสีย หายได้มากมาย สําหรับแมลงตัวเล็กๆ เกษตรกรควรมีอุปกรณ์ช่วยคือ แว่นขยายแบบมือถือ (hand lends) สําหรับเอาไว้สํารวจดูแมลงตัวเล็กๆ เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยไฟพริกในมะม่วง การใช้สารกําจัดแมลงของเกษตรกรใน ปัจจุบันนับว่าน่าเป็นห่วงมากกว่าเดิม เพราะจากกระแสของการปลูกพืชแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่มีการฉีดพ่นสารกําจัดแมลงนั้น
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 – นายขวัญชัย เนื่องจำนงค์ นายอำเภอเวียงแหง เป็นประธานงาน ซีพีร้อยรักษ์โลก ป่าปลอดเผา จ.เชียงใหม่ ส่งมอบปุ๋ยวัสดุปรับปรุงดินให้แก่ชุมชนอำเภอเวียงแหง จากความร่วมมือของคนในชุมชน ในโครงการป่าปลอดเผา (Zero Forest Burning) โดยมี ว่าที่พันตรี นรินทร์ ปิ่นสกุล ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) พร้อมด้วย นางสาวพิไลลักษณ์ พิชัยวัตต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ และชุมชน ร่วมมอบให้กับ 6 ชุมชน ใน 2 ตำบล ได้แก่ ต.แสนไห และ ต.เมืองแหง ณ อุทยานแห่งชาติผาแดง ต.แสนไห อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ นายขวัญชัย เนื่องจำนงค์ นายอำเภอเวียงแหง กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก จากภาวะหมอกควันไฟป่า และมลพิษฝุ่น PM2.5 โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัด เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาดังกล่าวฯ โดยในปี 2568 ได้กำหนดมาตรการสำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ 3 มิติ คือ ด้านการป้องกัน , การรับมือเผชิญเหตุไฟป่าและมลพิษด้านฝุ่นละ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำทีมนักกีฬาทักษะเกษตร จาก 3 คณะได้แก่ คณะผลิตกรรมการเกษตร คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี และ คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาทักษะเกษตร และกีฬาสากล ในงานประเพณี 4 จอบแห่งชาติ ครั้งที่ 39 “เกษตรแดนศิลป์ ถิ่นเมืองพริบพรี” ซึ่งมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีการเรียนการสอนทางด้านการเกษตรจากทั่วประเทศ เข้าร่วมชิงชัย 12 สถาบัน ระหว่างวันที่ 18 – 21 พฤศจิกายน 2567 ณ มหาวิทยาลัยศิลปกร วิทยาเขต สารสนเทศเพชรบุรี ผลการแข่งขัน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี โดย สามารถกวาดมาได้ 15 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญเงินกีฬาสาธิต รวม 20 เหรียญ จาก 21 ทักษะ ดังนี้ 1. การจัดสวนถาด = 🥇ทอง 2. การเชตแมลง = 🥇ทอง 3. การผลิตแผ่นประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการเกษตร = 🥇ทอง 4. การตอนสุกร = 🥇ทอง 5. การรีดเต้านมเทียม = 🥇ทอง 6. บรรจุพันธ์ปลา = 🥇ทอง 7. การประกวดโมเดลธุกิจนวัตกรรมการเกษตร = 🥈เงิน 8. การขยายพันธุ์พืช ติดตา-ต่อกิ่ง-ทาบกิ่ง = 🥇ทอง 9
“บ้านปูนา อ่องปูนา” ผลงานของ ทีม “ในน้ำมีปลา ในนามีปู” คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คว้ารางวัล ชนะเลิศ ประเภท “กินดี” Best of the Best ระดับประเทศ ในโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น 2567 ซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารออมสินที่เปิดเวทีในนักศึกษาได้เรียนรู้ บูรณาการพัฒนาร่วมกับชุมชน เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากสู่ความยั่งยืน โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั่วประเทศกว่า 67 สถาบันการศึกษา ทั้งนี้ ได้เข้ารับโล่รางวัล พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ นนทบุรี ทีม “ในน้ำมีปลา ในนามีปู” เป็นนักศึกษาคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ ได้แก่ นางสาวไอยเรศ เสาร์คำ, นายสรวิชญ์ จันทร์แดง, นางสาวไอซามี พงษ์จิระสกุลชัย, นางสาวเกวลิน กรแก้ว นางสาวภัสสิรา สิงห์อูป โดยมี อาจารย์ ดร.นงพงา แสงเจริญ, ผศ.ดร.ดารชาต์ เทียมเมือง และ อาจารย์ ดร.วาธิณี อินทรพงษ์นุวัฒน์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา “บ้านปูนา อ่องปูนา” เป็นการทำงานร่วมกับวิสาหกิจชุมชนศูนย์เรียนรู้การเพาะเลี้ยงปูนาสันทราย ตำบลหนองแหย่ง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยนำความรู้มาศึกษาปัญหาเดิมของก
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดย บริษัท เฟิร์สท์ ออร์แกนิค ซีดส์ จำกัด ลงนามความร่วมมือ กับ มูลนิธิชัยพัฒนา ว่าด้วย “ความร่วมมือในการผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืช” โดยมี นายสุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และ นายชัยยศ สัมฤทธิ์กุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้และกรรมการ บริษัท เฟิร์สท์ ออร์แกนิค ซีดส์ จำกัด เป็นผู้แทนลงนามทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ มีผู้บริหารของทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน ณ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา กรุงเทพมหานคร โอกาสนี้ รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า “สืบเนื่องด้วยมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้พัฒนาพันธุ์ผักจำนวน 19 พันธุ์ โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อและให้มูลนิธิชัยพัฒนาดำเนินการยื่นคำขอจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช โดยให้มูลนิธิเป็นผู้ทรงสิทธิในเมล็ดพันธุ์นี้ ซึ่งในเบื้องต้นมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์นี้ร่วมกับศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ ภายใต้การกำกับดูแลของมูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อพระร
เบญจมาศ เป็นไม้ดอกล้มลุก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนและญี่ปุ่น ถ้าแบ่งตามลักษณะการใช้ประโยชน์ก็จะแบ่งได้เป็นเบญจมาศที่ปลูกเพื่อตัดดอกกับเบญจมาศที่ปลูกเพื่อเป็นไม้กระถาง ในปัจจุบันมีการพัฒนาพันธุ์ของเบญจมาศกระถางกันมากมาย นอกจากความหลากหลายสีสันแล้ว ยังมีความหลากหลายในลักษณะของรูปทรงดอกอีกด้วย และการแตกทรงพุ่มและการเจริญเติบโตของเบญจมาศกระถางก็ยังมีความแตกต่างกัน โครงการพัฒนาบ้านโปงตามพระราชดำริ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ได้เสด็จพระราชดำเนิน ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ที่บ้านโปง ในปี พ.ศ. 2527 ด้วยทรงทราบว่าราษฎรชาวบ้านโปงมีการอนุรักษ์ป่าและต้นน้ำลำธารเป็นอย่างดี เนื่องจากบริเวณแถบนี้เป็นแหล่งต้นน้ำของห้วยโจ้ ซึ่งจะไหลไปรวมกันเป็นแม่น้ำแม่ปิง จึงได้มีพระราชดำริให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้จัดหาพืชพรรณที่เหมาะสมในการปลูกเลี้ยงมาให้ชาวบ้านแม่โปง เพื่อจะได้มีอาชีพเป็นหลักเป็นฐานโดยไม่ต้องไปรบกวนแหล่งต้นน้ำลำธาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยฝ่ายพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร จึงได้รับสนองพระราชดำริโ
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการและงานวิจัยด้านโคนม เพื่อถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการผลิต รวมถึงการสร้างฟาร์มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมตัวอย่าง เดินหน้าพัฒนาเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในภาคเหนือ คู่ขนานกับการสร้างนักวิชาการรุ่นใหม่ สร้างรายได้ที่มั่นคง นำไปสู่อาชีพเกษตรกรโคนมที่ยั่งยืน โดยมี รศ.จักรพงษ์ พิมพ์พิมล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และนางสาวสลิลรัตน์ พงษ์พานิช กรรมการผู้จัดการ ซีพี-เมจิ ร่วมลงนาม พร้อมด้วย ผศ.ดร.ประภากร ธาราฉาย คณบดีคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ รศ.จักรพงษ์ พิมพ์พิมล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยฯ พร้อมสนับสนุนงานด้านวิชาการและเป็นกลไกหลักในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและผลผลิตโคนม นอกจากนั้นยังจะเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงเกษตรกรให้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารด้านวิชาการ และการจัดการสิ่งแวดล้อมทางด้านเกษตรและปศุสัตว์ที่เหมาะสม ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่ดีของเกษตรกรในการเข้าร่วมการอบรมทฤษฎีใหม่ๆ ที่ทันสมัย โดยมหาวิทยาลัยฯ มีนักวิชาการและวิทยากรที่เชี่ยวชาญ การ