วานิลลา
การปลูกวานิลลาให้โตเร็วและเก็บเกี่ยวผลผลิตใน 2 ปีต้องอาศัยการดูแลอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกพันธุ์ การจัดการพื้นที่ การให้น้ำ ปุ๋ย และการตัดแต่งต้นให้เหมาะสม หากทำได้ตามนี้ จะสามารถเพลิดเพลินกับผลผลิตวานิลลาคุณภาพเยี่ยมที่ทั้งหอมและมีมูลค่าสูงได้อย่างแน่นอน การเก็บเกี่ยวผลผลิตของวานิลลา อย่างเร็วที่สุดประมาณ 1 ปี จะเริ่มออกดอก ถ้าโดยเฉลี่ยประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับต้นพันธุ์ที่นำมาปลูก ควบคู่กับการดูแลจัดการที่ดี เพราะพอวานิลลาเริ่มออกดอกจะไม่สามารถติดฝักได้เองโดยธรรมชาติ ต้องผสมเกสรด้วยมือเองทุกดอกทุกฝัก จากนั้นหลังจากติดฝักก็ต้องรอจนกว่าฝักจะสุก สังเกตได้จากฝักวานิลลาที่เปลี่ยนจากสีเขียวสดเป็นสีเหลืองอ่อนที่ปลายฝัก ราคาของ “วานิลลา” ที่สูง เนื่องจากเมื่อได้ผลผลิตแล้ว ยังไม่สามารถนำมาขายได้ทันที ต้องผ่านกระบวนการ “บ่ม” ซึ่งใช้เวลารวมหลายเดือน จนถึง 1 ปี การบ่มฝักวานิลลา 1. หลังจากเก็บฝักวานิลลามาแล้ว นำฝักวานิลลาไปลวกน้ำร้อนในอุณหภูมิ 63-65 องศาเซลเซียส นาน 3 นาที 2. นำฝักวานิลลาไปตากแดด ช่วงที่แดดจัด วันละ 2-3 ชั่วโมง ประมาณ 10 วัน 3. จากนั้นนำมาผึ่งลมในที่ร่ม หรือเรียกว
หลายคนคงยังไม่รู้ว่าวานิลลาสามารถปลูกในประเทศไทยได้ เพราะวานิลลาเป็นไม้ร้อนชื้น โดยวานิลลาแปลงแรกๆ ที่ปลูกในไทยอยู่ที่ภาคเหนือ มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยโดยโครงการหลวง แต่ว่าเกษตรกรที่ปลูกและทำต่อมีน้อย สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากวานิลลาเป็นพืชที่ปลูกแล้วไม่สามารถนำมาทำกินได้ หรือขายเป็นฝักสดได้เลย แต่ต้องมีกระบวนการบ่มเป็นฝักแห้งก่อนถึงจะขายได้ จึงยังไม่เป็นที่นิยมสำหรับการปลูกสร้างรายได้ มีเพียงกลุ่มเฉพาะอย่างเช่นในวงการเชฟ ร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ ที่จะเข้าถึง คุณพาพร โตอินทร์ หรือ คุณกวาง เจ้าของสวนแม่หม่อน อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นแปลงแรกๆ ที่ปลูกวานิลลาในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว ที่ปลูกจนกระทั่งได้ผลผลิตเอง บ่มฝักเอง แปรรูปเอง จนสุดท้ายกลายเป็นไอศกรีมขาย มีที่นี่ที่เดียว คุณกวาง เล่าให้ฟังว่า ความตั้งใจแรกของสวนแม่หม่อน คือตั้งใจทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ย้อนไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว สวนแห่งนี้เริ่มต้นจากการปลูกหม่อน หรือมัลเบอร์รี่ แล้วตั้งใจทำเป็นสวนสำหรับการท่องเที่ยวไปในตัว เพราะด้วยพื้นที่ของสวนตั้งอยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว ที่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่อง
วานิลลาเป็นพืชที่ใช้พื้นที่น้อย ใช้น้ำน้อย ใช้แรงงานน้อย ให้ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูง แต่การปลูกวานิลลาเป็นงานจุกจิก จะต้องมีขั้นตอนการผสมเกสร กระบวนการบ่มฝัก กระบวนการหาตลาด หรือกระบวนการแปรรูป เพราะฉะนั้นมีทั้งข้อดี ข้อเสีย เรียกว่าเหมาะกับศักยภาพของแต่ละบุคคลมากกว่า ถ้าใครมีศักยภาพหาตลาดเองได้ แปรรูปเองได้ ทำขนมได้ ถือเป็นพืชตอบโจทย์สำหรับการสร้างรายได้มากๆ ความน่าสนใจของวานิลลาคือ วานิลลาเป็นพืชที่มีการบริโภคทั่วโลก และมีความต้องการการใช้งานอย่างแท้จริง ต่างจากไม้หลายชนิด ยกตัวอย่างไม้ที่เป็นกระแสกันมากๆ บางครั้งความต้องการใช้ในการตลาดมีน้อย แล้วหน้าที่ของคนปลูกก็ต้องไปสร้างกระแสให้ผู้บริโภคต้องการหรืออยากทดลอง ซึ่งไม่ทำให้เกิดความยั่งยืนเท่าไหร่ แต่วานิลลาเป็นพืชที่มีความต้องการทั่วโลกซึ่งประเทศที่สามารถปลูกวานิลลาได้มีแค่ไม่กี่ประเทศในโลก เพราะวานิลลาเป็นพืชเขตร้อนชื้น และเป็นไม้ยืนต้น ประเทศไหนที่มีหิมะตกปลูกไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเหมาะสมในการปลูกวานิลลามากๆ ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมกับต้นวานิลลามากๆ และปลูกได้เจริญเติบโตดี ติดฝักใหญ่สมบูรณ์ดีอี
เมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ อาคารข่าวสด แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เทคโนโลยีชาวบ้าน ในเครือมติชน จัดสัมมนา ‘ไข่ผำ–วานิลลา : เจาะลึกโอกาสธุรกิจพืชเทรนด์ใหม่’ เพื่อสอดรับกับตลาดความต้องการเพิ่มยิ่งขึ้น พร้อมฉายภาพแห่งโอกาส เจาะลึกเทรนด์เศรษฐกิจ สู่พืชแห่งอนาคต ตั้งแต่เวลา 10.30-16.30 น. โดยเปิดให้เข้าร่วมงานฟรี เวลา 15.15 น. เข้าสู่ช่วง Special Talks หัวข้อ “วานิลลา พืชมูลค่าสูง ปลูกอย่างไร ให้เป็นที่ต้องการของตลาด” นำโดย น.ส.พาพร โตอินทร์ เจ้าของสวนแม่หม่อน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ น.ส.วิสุตา โลหิตนาวี เจ้าของไร่วานิลลา Khao Yai Vanilla จ.นครราชสีมา ในตอนหนึ่ง น.ส.พาพร เจ้าของสวนแม่หม่อน กล่าวว่า ตามจริงแล้วฟาร์มของเราก่อตั้งมา 10 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งไม่ได้เริ่มต้นจากการปลูกวานิลลามาก่อน เพราะเราปลูกต้นหม่อน หรือ มัลเบอรี่มาก่อน ที่เราปลูกเพื่อรับประทานผล ไม่ใช่หม่อนที่เอาไว้ใช้เลี้ยงไหม “ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว มัลเบอรี่เป็นของที่ใหม่มากๆ สำหรับประเทศไทย ไม่ค่อยมีคนรู้จักการเอาผลมาทานกัน ก็เริ่มต้นจากตรงนี้แล้วก็ค่อยๆ เราเป็นแหล่งท่องเที่ยว คาเฟ่ ร้านอาหาร แ
‘ไข่ผำ’ พืชอนาคตไซซ์จิ๋ว อุดมไปด้วยโปรตีนที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง และยังขึ้นชื่อว่าเป็นพืชโปรตีนแห่งอนาคต ‘วานิลลา’ เครื่องเทศมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงอันดับ 2 ของโลก นิยมบริโภคและใช้ประโยชน์ ทั้งการแต่งกลิ่นในอาหาร ขนม ไอศกรีม อุตสาหกรรมยาและเครื่องสำอาง โดยทั้งสองชนิดได้สร้างอาชีพและทำรายได้ให้เกษตรเกษตรได้อย่างมหาศาล เพื่อเจาะลึกถึงทิศทาง ความสำคัญ และแนวโน้ม ‘เทคโนโลยีชาวบ้าน’ จึงจัดเวทีสัมมนา ‘ไข่ผำ – วานิลลา : เจาะลึกโอกาสธุรกิจพืชเทรนด์ใหม่’ ขึ้น ในวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 10.30 – 16.30 น. ณ อาคารข่าวสด ถนนเทศบาลนิมิตใต้ หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1, แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เข้าร่วมฟังฟรี ในยุคที่เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการเกษตรอย่างรวดเร็ว การปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มใหม่ๆ ของพืชเศรษฐกิจย่อมจะเป็นกุญแจสร้างความยั่งยืนสำคัญทางธุรกิจและสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับเกษตรกรในอนาคต ไข่ผำ และ วานิลลา ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น พืชเศรษฐกิจแห่งอนาคต นับว่าเป็นพืชที่มีศักยภาพต่อการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในระดับโลก โดยเฉพาะในย
“ไข่ผำ” หรือ “ผำ” เป็นพืชน้ำขนาดเล็กที่มีลักษณะเด่นคือสีเขียวสด รูปร่างคล้ายกับสาหร่ายหรือไข่ปลา เป็นพืชที่ไม่มีรากและใบ แต่สามารถเจริญเติบโตในน้ำสะอาด โดยมักจะลอยอยู่ตามผิวน้ำ ผำไม่เพียงแต่เป็นอาหารท้องถิ่นที่คนไทยรู้จักกันดี แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่น่าทึ่งจนได้รับการยอมรับว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” ( super food ) แห่งแหล่งน้ำอีกด้วย คุณค่าทางโภชนาการของไข่ผำ (100 กรัม) ประกอบด้วย 1. ไฟเบอร์ ไข่ผำมีไฟเบอร์เทียบเท่ากับการบริโภคขึ้นฉ่ายฝรั่งถึง 2 กำ ช่วยเสริมระบบขับถ่ายและบำรุงสุขภาพลำไส้ 2. วิตามิน A ปริมาณวิตามิน A ในไข่ผำเทียบเท่ากับการบริโภคแครอท 4 หัว ช่วยบำรุงสายตาและเสริมภูมิคุ้มกัน 3. วิตามิน B12 ไข่ผำเป็นแหล่งสำคัญของวิตามิน B12 ซึ่งมีปริมาณเทียบเท่ากับไข่ไก่ถึง 9 ฟอง ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาทและการสร้างเม็ดเลือด 4. โพแทสเซียม มีปริมาณโพแทสเซียมเทียบเท่ากับมันฝรั่ง 2 หัว ช่วยควบคุมความดันโลหิตและการทำงานของกล้ามเนื้อ 5. ฟอสฟอรัส ไข่ผำให้ฟอสฟอรัสในปริมาณเทียบเท่านมถั่วเหลือง 2 ถ้วย ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน 6. ธาตุเหล็ก ปริมาณธาตุเหล็กในไข่ผำเทียบเท่ากับบรอกโคลี 3 ถ้วย ช่วย
“วานิลลาเป็นพืชที่มีการซื้อขายกันทั่วโลก เอาราคาที่ขายในเมืองไทย ถ้าเป็นราคาปลีกฝักเกรดเออยู่ที่นำเข้าก็จะอยู่ที่ประมาณ 150-250 บาท ถ้าฝักเกรดจัมโบ้มากๆ บางทีทะลุถึง 300 บาทก็มี ต่อ 1 ฝักนะ” . วานิลลา พืชที่น่าจับตามอง ใช้พื้นที่น้อย ใช้น้ำน้อย ใช้แรงงานน้อย ผลตอบแทนต่อพื้นที่สูง และที่น่าสนใจคือมีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่สามารถปลูกวานิลลาได้ เพราะว่าวานิลลาเป็นพืชเขตร้อนชื้น เพราะฉะนั้นประเทศไทยเรียกว่ามีภูมิศาสตร์ที่เหมาะสมกับการปลูกต้นวานิลลามากๆ แล้วปลูกได้เจริญเติบโตดีด้วย อ่านเพิ่มเติม : https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_264246 #วานิลลา #ปลูกวานิลลา #ปลูกวานิลลาในไทย #ฝักวานิลลา #วานิลลาบ่มแห้ง #เทคโนโลยีชาวบ้าน #technologychaoban
เข้าสู่ฤดูหนาว ฤดูแห่งการท่องเที่ยวมาเยือน สำหรับท่านใดที่เบื่อแสงสี อยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง นิตยสารเทคโนโลยีฉบับนี้ตอบโจทย์ทุกท่านแน่นอน โดยในฉบับนี้ผู้เขียนมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ภูมิใจนำเสนอมากๆ และอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ทุกท่านก็จะได้พบกับธรรมชาติสีเขียวขึ้นเต็มสองข้างทาง ที่นั่นก็คือ “วังน้ำเขียว” แหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก นั่นเอง โดยสถานที่ที่ผู้เขียนภูมิใจนำเสนอก็คือ “สวนแม่หม่อน” ตั้งอยู่ที่ 201 หมู่ที่ 5 ตำบลวังหมี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ตัวผู้เขียนเองเคยได้มีโอกาสไปแวะเยี่ยมเยือนสวนมาแล้วเมื่อ 4 ปีก่อน ก็ยังจำความรู้สึกอบอุ่นได้ไม่รู้ลืม จนมาถึงวันนี้ สวนแม่หม่อนได้มีการพัฒนาสำเร็จไปอีกขั้น จากที่เคยเป็นเพียงสวนมัลเบอร์รี่เล็กๆ ตอนนี้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีไฮไลต์เด็ดอยู่ที่แปลงวานิลลา ที่ปลูกสำเร็จเป็นที่แรกๆ ของอำเภอวังน้ำเขียว รับรองได้ว่ามาที่นี้แล้วทุกท่านจะสำลักความสุขกลับไปแน่นอน คุณนันทวัน โตอินทร์ หรือ ครูไก่ เจ้าของสวนแม่หม่อน อดีตแม่พิมพ์ของชาติ ลาออกจากรา
ถั่วไอศครีม (Ice Cream Bean) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Inga edulis มีถิ่นกำเนิดในประเทศอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ลักษณะรูปร่างฝักยาวทรงกระบอก เปลือกสีเขียว เมื่อสุกเปลือกจะมีสีออกสีน้ำตาลอมเหลือง ผลมีสีขาว รสชาติหวานเหมือนไอศครีมรสวานิลลา ถั่วไอศครีม ผลไม้แปลกแต่กินได้ เป็นผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายๆ ลูกสะบ้าบ้านเรา และยังติด 1 ใน 10 ผลไม้แปลกของโลกอีกด้วย โดยมีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ โดยเป็นต้นไม้พื้นเมืองในเขตอบอุ่นและเขตร้อนของอเมริกาใต้ มีทั้งแบบฝักยาวและแบบฝักสั้น ซึ่งชื่อเรียกของมัน จะเปลี่ยนไปตามแต่ละท้องถิ่น ซึ่งไม้พันธุ์ชนิดนี้ (Inga) มีประมาณ 300 ชนิดเป็น และไม้พุ่ม มีความสูงโดยทั่วไป 10 เมตรขึ้นไป ซึ่งในประเทศออสเตรีย สามารถปลูกในวงบ่อ ให้บังคับความสูงจะอยู่ประมาณ 5-6 เมตรได้ ขนาดของลำต้นสามารถเจริญเติบโตได้ 2.5 เซนติเมตร ต่อปี ขนาดของฝักจะอยู่ประมาณ 30-40 เซนติเมตร หรืออาจยาวได้เกือบ 1 เมตร เป็นได้ทั้งไม้ผลและไม้ประดับ ดีสำหรับการตกแต่งสวนขนาดเล็ก รวมถึงนำมาแปรรูปเป็นอาหาร และรสชาติจะเหมือนไอศครีมถั่ว รสชาติอร่อย เนื้อในผลสีขาว เหมือนปุยฝ้าย รสหวาน มีลักษณะคล้ายไอศครีมวา