เกษตรผสมผสาน
“ทำเกษตรแบบคนรุ่นใหม่ ไม่เครียดและไม่กดดัน เพราะมีหลักคิดง่ายๆ เริ่มทำอย่างไรก็ได้ให้มีความสุขก่อน อย่าเพียงมุ่งหาแต่รายได้ คิดแค่ว่าทำเพื่อลดรายจ่ายก่อน แล้วรายได้จะตามมาทีหลัง” หลักคิดการทำเกษตร ของ คุณเมธยา คุณเมธยา ภูมิระวิ หรือ คุณเมย์ อยู่บ้านเลขที่ 343 หมู่ที่ 6 ตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เกษตรกรรุ่นใหม่สานต่องานเกษตรที่พ่อสอน บนเนื้อที่ 27 ไร่ คุณเมย์ เล่าว่า เธอเรียนจบคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อเรียนจบเธอตัดสินใจกลับบ้านที่จังหวัดชุมพรทันที ไม่ได้อยู่ทำงานตามสายที่เรียนมา เนื่องจากเคยได้ฝึกงานก่อนที่จะเรียนจบ แต่รู้สึกว่าไม่ใช่วิถีชีวิตที่ชอบ ไม่ชอบทำงานในออฟฟิศที่ต้องตื่นเช้ามาตอกบัตรเข้า-ออก ต้องนั่งทำงานที่มีพาร์ติชั่นกั้นเป็นล็อกๆ รู้สึกอึดอัด จึงคิดว่าที่บ้านก็มีพื้นที่ให้ทำต่อยอด ทำไมไม่กลับไปดูแลพื้นที่ของตัวเอง เริ่มทำเกษตร บนคำสบประมาท ของชาวบ้าน หาว่า “บ้า” ด้วยความที่ คุณเมย์ เรียนจบคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์มา เธอเล่าว่า หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว บุคลากรที่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ขาดแคลน ตลาดกำลังต้องการ แต่เธอเลือกที่จะทิ้งโอ
เกษตรกรรม เป็นกิจกรรมการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และประมง แต่การเลือกทำเพียงกิจกรรมเดียว จะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงที่จะไม่ได้รับผลผลิตเมื่อต้องประสบกับภัยสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ แต่ถ้าเลือกทำ “เกษตรผสมผสาน” คือมีตั้งแต่ 2 กิจกรรมขึ้นไป มีการวางแผนการผลิต ใช้ปัจจัยผสมผสานเพื่อลดต้นทุนการผลิต ความเสี่ยงก็ลดลง ในสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจแปรปรวนเกษตรผสมผสานจึงเป็นทางเลือกในการยกระดับรายได้เพื่อนำไปสู่การดำรงชีพที่มั่นคง วันนี้จึงนำเรื่อง เกษตรผสมผสาน วิถีพอเพียง บนพื้นที่ 2 ไร่ ที่สิงห์บุรี มาบอกเล่าสู่กัน คุณยศพนธ์ ทัพพระจันทร์ เกษตรจังหวัดสิงห์บุรี เล่าให้ฟังว่า จังหวัดสิงห์บุรีมีพื้นที่การเกษตร 418,781 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทำนา 377,826 ไร่ พื้นที่ปลูกพืชไร่ 11,002 ไร่ พื้นที่ปลูกพืชสวน เช่น ปลูกไม้ผล พืชผัก 26,895 ไร่ พื้นที่เลี้ยงสัตว์ 1,189 ไร่ และพื้นที่ประมง 1,869 ไร่ ประชากรส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม ทั้งทำการเกษตรเชิงเดี่ยว ทำไร่นาสวนผสม หรือเกษตรผสมผสาน เกษตรผสมผสาน เป็นงานเกษตรที่ทำตั้งแต่ 2 กิจกรรม ขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยง โดยได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ให้วางแผนการปลูกและ
การทำอาชีพเกษตรเป็นอีกหนึ่งหนทางที่ทำให้หลายๆ ครอบครัวได้มาทำกิจกรรมรวมกัน โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานยังเมืองใหญ่เพื่อหารายได้ ซึ่งการยึดอาชีพการเป็นเกษตรกรอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เมื่อมีประสบการณ์ได้ลองผิดลองถูก พร้อมทั้งมีกำลังใจจากคนในครอบครัวที่ให้การสนับสนุนกันอยู่ตลอด สิ่งนี้เองจึงทำให้เกษตรกรผู้ประสบผลสำเร็จต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกจากจะมีความสุขที่ได้มาทำเกษตรแล้ว ความสุขแท้ที่ได้รับคือทุกคนในครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา และรักษาสิ่งที่กำลังทำเป็นมรดกส่งต่อไปให้ลูกหลานต่อไป คุณอิษฏ์ฐะ ทองเจิม หรือ คุณเบส ได้หันหลังให้กับเมืองใหญ่มากำหนดชีวิตในสายอาชีพใหม่ โดยปรับการทำเกษตรของครอบครัวสมัยคุณพ่อคุณแม่ แบ่งมาทำเป็นเกษตรผสมผสานในพื้นที่ 2 ไร่ แต่สามารถสร้างรายได้ทุกวัน จากจุดเริ่มต้นนี้เองสวนเกษตรผสมผสานของเขา จึงไม่ได้จำหน่ายสินค้าทางการเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนในด้านแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้สนใจท่านอื่นๆ ได้เข้ามาศึกษาองค์ความรู้นำไปพัฒนาในที่ดินของตัวเอง คุณเบส เล่ามุมมองของอาชีพสมัยก่อนให้ฟังว่า เมื่อจบการศึกษาแล้วได้ทำตามความฝันของครอบครัว คือการทำง
ผักเป็นอาหารที่กินกันทุกบ้าน แต่คนไทยปลูกผักสวนครัวกันน้อยลง หันมาซื้อผักตลาดเป็นส่วนใหญ่ คุณสำรวย แตงขาว ชาวสวนมืออาชีพที่มีประสบการณ์ปลูกผักมานานกว่า 10 ปี ได้แบ่งปันประสบการณ์ว่า ควรปลูกผักชนิดไหนที่ได้เงินไว และตลาดมีความต้องการสูงตลอดทั้งปี ปัจจุบัน คุณสำรวยวัย 57 ปี ปลูกผักบนเนื้อที่ 3 ไร่ อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ที่ 3 ตำบลทวีวัฒนา อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี. เบอร์โทร. (091) 409-4337 คุณสำรวยเคยปลูกพืชมาหลายชนิด แต่ตัดสินใจปลูกผักเป็นตัวเลือกสุดท้าย เพราะปลูกดูแลง่าย อายุเก็บเกี่ยวสั้น ทำเงินไว อาศัยทักษะบริหารจัดการวิธีปลูกแบบหมุนเวียน ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทำให้มีรายได้ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี “ อาชีพชาวสวนผมว่ายั่งยืนนะ ทุกวันนี้ ผมปลูกผักขายมีรายได้วันละพัน เดือนหนึ่งก็หลายหมื่นบาท รายได้ดีไม่แพ้อาชีพมนุษย์เงินเดือน ยิ่งช่วงหน้าแล้ง คนใช้ผักเยอะ แต่ผักมีน้อย ” คุณสำรวย กล่าว ผักทำเงิน 6 ชนิดที่ขายดีตลอดทั้งปี คุณสำรวยบอกว่า ผักสวนครัวที่ขายดี ตลาดมีความต้องการตลอดทั้งปี ได้แก่ โ
“ การเกษียณอายุราชการ ไม่ใช่การตาย ชีวิตยังไม่จบ อาจจะมีชีวิตยืนยาวหลังเกษียณไปอีก 20-30 ปีก็ได้ ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นทุกวัน แล้วเราจะอยู่ถึงวันนั้นได้อย่างไร ถ้าเตรียมการได้เร็วเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะปรับตัวได้ก็มากเท่านั้น ” อาจารย์ธีระพล จันทวงษ์ กล่าว อาจารย์ธีระพล จันทวงษ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเนินสูง ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี วางแผนทำเกษตรหลังเกษียณ เพื่อให้มีงานทำ มีรายได้อย่างต่อเนื่องโดยเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนเกษียณจริงถึง 10 ปีเต็ม จนปัจจุบันกลายมาเป็น ศูนย์เรียนรู้เกษตรผสมผสาน “คุ้มจันทวงษ์” ปลูกพืชผักไม้ผลนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นไผ่ พริกไทย เพกา สะเดา มะนาว กล้วย ขนุน ลำไย รวมทั้งพัฒนาต่อยอด แปรรูปสร้างมูลค่าสินค้าเกษตร นอกจากนี้ยังเลี้ยงไก่ป่าลูกผสม ซึ่งเริ่มต้นจากการเลี้ยงไก่ป่าเป็นงานอดิเรกของลูกชายและค่อยๆ พัฒนาเป็นอาชีพที่สร้างรายได้งามในเวลาต่อมา ในวันนี้ อาจารย์ธีระพลได้แบ่งปันประสบการณ์ 15 ปีเต็มจากการลองผิดลองถูกบนเส้นทางอาชีพการทำเกษตรที่ตัวเองเลือก ทั้งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้สนใจทำเกษตรหลังเกษียณในอนาคต คิด
สิบตำรวจตรีบุญส่ง ทศพร ชื่อเล่น “ ปลัดแก้ว” วัย 53 ปี ปัจจุบันรับราชการในตำแหน่ง ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเชียงรากน้อย (โทร 0877044453) และแบ่งเวลาทำเกษตรเป็นรายได้เสริมโดยลงทุนทำสวนกล้วยหอมทอง ปลูกแบบผสมผสานร่วมกับพืชผักและไม้ผลอื่นๆ ในพื้นที่รังสิตคลอง 13 ตำบลศาลาครุ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี มีใจรักในอาชีพเกษตร ปลัดแก้ว เล่าให้ฟังว่า เดิมทีผมเคยรับราชการตำรวจอยู่ในกรุงเทพตำรวจ 191 ต่อมาในปี 2540 ผมสอบปลัดอบต. ได้ในจังหวัดปทุมธานี เมื่อ 10กว่าปีก่อน กล้วยหอมขายได้ราคาดี ผมจึงสนใจปลูกกล้วยหอม ในบริเวณรังสิตคลอง 13 แห่งนี้ ปลัดแก้วปลูกกล้วยหอมเป็นพืชเชิงเดี่ยวบนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ช่วงแรกๆ ปลูกกล้วยหอมขายได้ราคาดี แต่การปลูกกล้วยหอมมีอุปสรรคสำคัญ คือ ปัญหาภัยธรรมชาติจาก ลมพายุซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมไม่ได้ “ ปัญหาลมพายุมา กล้วยเราเสียหาย เป็นความเสี่ยงที่เกษตรกปลูกกล้วย จะท้อในเรื่องนี้กัน ฝนตก ลมมาก็จะนั่งพะวงกันแล้ว กลัวยจะเป็นยังไงน้อ บางทีถ้าลมมาหนักๆ ผมออกจากสวนเลยเพราะว่ามันทำใจไม่ได้ จะรู้ผลตอนเช้าเมื่อลูกน้องลงดูสวนกล้วย จะรู้ว่าต้นกล
ภาพของภาคอีสาน ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนาโล่งแจ้ง มีต้นไม้ขึ้นสลับบ้าง ฤดูฝนดูเขียวขจีสวยงาม ก่อนเก็บเกี่ยวข้าวมีสีเหลืองอร่ามของทุ่งรวงทอง ครั้นเข้าสู่หน้าแล้ง อากาศแห้ง แม้แต่น้ำในร่องริมถนนก็เหือดหายไปจนหมด ดูแตกต่างจากภาคอื่นโดยสิ้นเชิง นั่นเป็นภาพส่วนใหญ่ มีผืนดินของอีสานบางแห่ง อุดมสมบูรณ์ ใกล้เคียงกับภาคตะวันออก ที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ติดชายแดนกัมพูชาและลาว สภาพของดินสีแดงคล้ายดินอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี แถบถิ่นนี้จึงปลูกไม้ผลเมืองร้อน จำพวกเงาะ ทุเรียนได้ผลดี งานสวนของที่นี่พัฒนาอย่างช้าๆ มั่นคง มีผลผลิตตอบสนองคนในท้องถิ่นได้อย่างดี โอกาสต่อไปคงเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น คุณไพศาล ยงปัญญา เกษตรกรอยู่บ้านเลขที่ 241 หมู่ที่ 7 ตำบลบุเปือย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี โทรศัพท์ 094-274-9931 เป็นเกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จในการทำสวนผลไม้มากที่สุดคนหนึ่ง เขาปลูกไม้ผล 4-5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ชมพู่ ฝรั่ง มะกอกน้ำ ขนุน มะละกอ ด้วยเหตุนี้จึงมีผลผลิตเก็บจำหน่ายได้ทั้งปี ชมพู่ทับทิมจันท์ มีปลูก 40 ต้น ชมพู่ทับทิมจันท์ มีถิ่นกำเนิดอยู่ประเทศอินโดนีเซีย คุณประเทือง อายุเจ
สำนักงานเกษตรจังหวัดปราจีนบุรี มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาให้เกษตรกรเกิดความเข้มแข็งและสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพื้นฐานในการพัฒนาให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้และเทคโนโลยี โดยขับเคลื่อน โครงการเกษตรผสมผสานตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงสู่พื้นที่เป้าหมาย สำนักงานเกษตรจังหวัดปราจีนบุรี มอบหมายให้ สำนักงานเกษตรอำเภอทั้ง 7 อำเภอ ตลอดจนเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลส่งเสริมให้เกษตรกรในชุมชนได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำเกษตรกรรมแบบผสมผสาน ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก ลดรายจ่ายในครัวเรือน ส่งเสริมให้มีการจัดทำบัญชีครัวเรือน การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพไว้ใช้เองในครัวเรือน และการนำวัสดุจากท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับชุมชนโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเข้าไปร่วมดำเนินการและให้ความรู้จากการฝึกอบรม สวนป้าต่อ อำเภอนาดี ต้นแบบเกษตรผสมผสาน สำนักงานเกษตรอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ยกย่อง “สวนป้าต่อ” ของ ป้าต่อ หรือ นางอารีวรรณ คำเขียว ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นหนึ่งในสวนเกษตรต้นแบบด้านเกษตรผสมผสาน สวนป้าต่ออ
อาจารย์ธีระพล จันทวงษ์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเนินสูง ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี วางแผนทำเกษตรหลังเกษียณ เพื่อให้มีงานทำ มีรายได้อย่างต่อเนื่องโดยเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนเกษียณจริงถึง 10 ปีเต็ม จนปัจจุบันกลายมาเป็น “คุ้มจันทวงษ์ ” สวนเกษตรผสมผสานที่ปลูกพืชผักไม้ผลนานาชนิด จนถึงการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าสินค้าเกษตร ในวันนี้ อาจารย์ธีระพลได้แบ่งปันประสบการณ์ 15 ปีเต็มจากการลองผิดลองถูกบนเส้นทางอาชีพการทำเกษตรที่ตัวเองเลือก ทั้งที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้สนใจทำเกษตรหลังเกษียณในอนาคต หากใครสนใจแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการทำเกษตรหรือต้องการเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้เกษตรผสมผสาน “คุ้มจันทวงษ์ ” เนื้อที่ 38 ไร่ ตั้งอยู่บ้านเนินหินกอง หมู่ที่ 13 ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ติดต่อกับอาจารย์ธีระพล ได้ที่เบอร์โทร. 089-893-7269
คุณโสพี ทองทุม เกษตรกรอำเภอบึงนาราง จังหวัดพิจิตร หลังเกษียณจากงานประจำกลับมาทำเกษตรผสมผสานยังบ้านเกิดของตัวเอง โดยยึดการทำเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ในพื้นที่ทำเกษตรแบบครบวงจร ตั้งแต่การปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ ตลอดไปจนถึงการเลี้ยงปลาภายในบ่อน้ำสำหรับใช้ภายในสวน คุณโสพี เล่าว่า เริ่มทำเกษตรผสมผสานตั้งแต่ปี 2560 แบ่งพื้นที่ที่มีอยู่จำนวน 19 ไร่ มาทำเกษตรผสมผสานอยู่ที่ 3 ไร่ โดยในพื้นที่สำหรับแบ่งมาทำการเกษตร จะดำเนินการขุดบ่อน้ำไว้เพื่อให้ใช้รดพืชผักและไม้ผลต่างๆ และเลี้ยงปลาเข้ามาเสริมด้วย จึงทำให้ภายในบ่อน้ำ นอกจากมีน้ำใช้ทำการเกษตรแล้ว ปลายังสามารถสร้างรายได้อีกด้วย การปลูกพืชจะเน้นปลูกให้ที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่ไม้ผลที่สร้างรายได้ประจำปีจำพวกมะม่วง มะขามเทศ มะขาม สะเดา ส่วนพืชผักสวนครัวเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่นอกจากจะบริโภคภายในครัวเรือนแล้ว ยังสามารถจำหน่ายได้ราคาอีกด้วย อาทิ คะน้า กะเพรา ถั่วฝักยาว ฯลฯ เรียกได้ว่ากินอะไรก็ปลูกพืชชนิดนั้น “นอกจากผมจะปลูกพืชแล้ว ผมยังมีการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เรียกได้ว่าค่อนข้างครบวงจร เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะทำอะไร ถ้าเรามีของครบอยู่ทุกด้าน ก็จะช่วยใ