ข้าว
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีการเพาะปลูกข้าวเป็นหลัก ในแต่ละปีมีการผลิตและส่งออกข้าวจำหน่ายในปริมาณสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก การอนุรักษ์สายพันธุ์ดั้งเดิมของข้าวพื้นเมืองเอาไว้ โดยนำมาผลิตเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำพวกสาโทนั่นเอง จากเครื่องดื่มพื้นบ้าน มีปัจจัยอะไรบ้างที่จะประกอบร่างสร้างให้กลายเป็นสินค้าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่มีดีทั้งคุณภาพและรูปลักษณ์ ยกระดับมูลค่าทางเศรษฐกิจขึ้นสู่ของดีประจำชาติ และยังสร้างรายได้มหาศาลกลับคืนสู่ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชน การส่งเสริมแบรนดิ้งให้แข็งแรง ให้คุณค่ากับความเฉพาะตัวของวัตถุดิบพื้นถิ่น ใส่ใจในการออกแบบหน้าตาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยเพื่อเพิ่มสุนทรียะในการดื่มชิม คือตัวอย่างองค์ประกอบที่จะพาให้เครื่องดื่มพื้นบ้านไปไกลได้ทั้งในไทยและต่างแดน ความโดดเด่นทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยส่งผลให้แต่ละภูมิภาคมีการเพาะปลูกพืชพันธุ์ที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะมีจุดร่วมคือภูมิปัญญาหมักดองถนอมอาหารแต่การแปรรูปข้าว พืชผลไม้พื้นถิ่น สมุนไพรเหล่านี้ก็ยังต้องอาศัยภูมิปัญญาของชุมชนปราชญ์ ชาวบ้านที่ศึกษาและลงลึกในการหยิบจับส่วนผสมต่างๆ มาทดลองหมักบ่มผ่
การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง เป็นการทำนาโดยควบคุมระดับน้ำในแปลงนาให้มีช่วงน้ำขัง สลับกับช่วงน้ำแห้งสลับกันไปในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นให้รากและลำต้นของต้นข้าวแข็งแรงขึ้น เนื่องจากดินและรากได้รับรากอากาศ เมื่อได้รับอากาศเสร็จแล้ว ก็สามารถดูดปุ๋ยได้ดีขึ้น ทำให้ลดการใช้ปุ๋ย เมื่อดูดธาตุอาหารได้ดีขึ้น ต้นข้าวแข็งแรง ลดการระบาดของโรคและแมลง ลดการใช้สารเคมี เป็นการลดต้นทุนการผลิตไปด้วย เมื่อต้นข้าวแข็งแรงก็จะแตกกอได้มากขึ้น รวงข้าวสมบูรณ์ ผลผลิตที่ได้รับก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้นการทำนาเปียกสลับแห้งนี้ เหมาะสำหรับพื้นที่ทำนาในเขตชลประทานที่ควบคุมการระบายน้ำได้ โดยใช้ปริมาณน้ำในการเพาะปลูกน้อยกว่าวิธีปลูกข้าวแบบทั่วไป 30-50% นอกจากนี้ ยังลดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการย่อยสลายอินทรียวัตถุแบบไร้อากาศ เมื่อปลูกข้าวแบบขังน้ำเป็นเวลานานอีกครั้ง คุณปกรณ์ สุพานิช นักวิเคราะห์แพลตฟอร์มเซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง งานพัฒนาพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์แ
“ข้าว” ถือเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมการกินคนไทยที่สืบทอดมายาวนาน แต่ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่คนไทยบริโภคข้าวลดลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ไม่ได้สะท้อนเพียงแค่ความเปลี่ยนแปลงทางด้านอาหารเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต พฤติกรรม และค่านิยมของคนไทยในยุคใหม่อีกด้วย ข้าวเป็นส่วนสำคัญที่ผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยมายาวนาน ประเทศไทยยังเป็นทั้งแหล่งผลิตและตลาดบริโภคหลักของข้าว จากผลการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2521 พบว่าคนไทยบริโภคข้าวเฉลี่ยสูงถึง 180 กิโลกรัมต่อปีเลยทีเดียว ปัจจุบัน คนไทยบริโภคข้าวเฉลี่ยประมาณ 75 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ซึ่งลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ที่เคยบริโภคประมาณ 80-90 กิโลกรัมต่อคนต่อปี แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย จากปัญหาดังกล่าว มาดูกันว่าสาเหตุของ คนไทยบริโภค “ข้าว” น้อยลง นี้มีอะไรบ้าง 1. การเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตและสังคมเมือง การใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเมือง ทำให้ผู้คนหันไปเลือกอาหารที่สะดวกรวดเร็ว เช่น ขนมปัง แซนด์วิช หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทนข้าว นอกจากนี้ การบริโภคอาหารในร้านฟาสต์ฟู้ดยังเป็นตัวเลือกยอดนิยม ซึ่งเมนูเหล่านี้ส่วนใ
ระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ คือ การส่งเสริมให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มการผลิตข้าวและมีการบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อให้เกิดการรวมกันผลิตและรวมกันจำหน่ายโดยมีตลาดรองรับ เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต และมีผลผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น รวมทั้งยกระดับผลผลิตมีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อเพิ่มศักยภาพเกษตรกรปลูกข้าวที่มีคุณภาพให้เหมาะสมกับระบบนิเวศและพื้นที่ของการปลูกข้าวตามชนิดพันธุ์ที่เหมาะสม โดยมีระบบการจัดการบริหารการวางแผนการผลิต หาปัจจัยการผลิต และการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนการจัดการด้านการตลาด เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในลักษณะประชารัฐ นาแปลงใหญ่ นับเป็นโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าวรับผิดชอบดูแลในส่วนของแปลงใหญ่ข้าว ซึ่งได้มีวิธีการดำเนินงาน ดังนี้ 1. ด้านการลดต้นทุนการผลิตข้าว 2. ด้านการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพข้าวผลผลิต 3. การบริหารจัดการกลุ่มและเสริมสร้างสมรรถนะกลุ่มนาแปลงใหญ่ 4. ด้านส่งเสริมการตลาดข้าว และยกระดับมาตรฐาน กรมการข้าวได้ดำเนินโครงการยกระดับแปลงใหญ่
จากกรณีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีมติเห็นชอบในโครงการ “ปุ๋ยคนละครึ่ง” เพื่อสนับสนุนและลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่กำลังเริ่มปลูกข้าวปีการผลิต 2567/68 ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ประมาณ 4.68 ล้านครอบครัว หรือประมาณ 16 ล้านคน จะใช้จ่ายจากเงินทุนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายการดำเนินงานตามโครงการ 33,422.950 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกลุ่ม 1.เกษตรกรที่ปลูกข้าวทั่วไป 4.48 ล้านครัวเรือน (ใช้ปุ๋ยสูตรที่มีความเหมาะสมกับการปลูกข้าว) 2. เกษตรกรที่ปลูกข้าวอินทรีย์ 0.20 ล้านครัวเรือน (ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำและชนิดเม็ดและขึ้นบัญชีนวัตกรรม) ซึ่งหลักการง่ายๆ ของโครงการ ปุ๋ยคนละครึ่ง คือ รัฐบาลครึ่งหนึ่ง เกษตรกรครึ่งหนึ่ง โดยกำหนดให้ปุ๋ย 50 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ และต้องไม่เกิน 20 ไร่ เท่ากับ 1 ครัวเรือนไม่เกิน 1,000 กิโลกรัมนั่นเอง ข้อดีของปุ๋ยคนละครึ่งคือ การทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงอยู่ที่ 300 กว่าบาทต่อ 1 ไร่ ส่วนกำไรจากต่อ 1 ไร่ที่รัฐเข้ามาช่วยครึ่งหนึ่งจะอยู่ที่ไร่ประมาณละ 500 บาท ได้กำไรจากการขายข้าวด้วย และต้นทุนการผลิตลดลงด้วย ในการประชุมรอบแรกคือวันที่ 13 มิถุนา
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายภูมิภาคมีการเปิดจุดจำหน่ายข้าวกันอย่างคึกคัก ทั้งส่วนราชการ ภาคเอกชน เปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านนำข้าวสารพันธุ์ดีมาวางขายส่งตรงถึงมือผู้บริโภคเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจากราคาข้าวตกต่ำ บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก ชื่นมื่น มีทั้งข้าวพันธุ์ดี ชื่อดังจากหลายภูมิภาค ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง รวมทั้งข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสซื้อข้าวชั้นดี หายาก สะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่ต่างๆ ยังมีข้าวหลากหลายให้เลือกบริโภค โดยเฉพาะตลาดข้าวกล้องพื้นเมือง ได้รับความสนใจจากทั้งผู้บริโภคชาวไทยและต่างประเทศ ที่จังหวัดสตูล เป็นอีกแหล่งปลูกข้าวพื้นเมืองที่นิยมบริโภคกันในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบข้าวหุงขึ้นหม้อ รสชาติมัน กินอิ่มท้อง ทำข้าวต้ม-โจ๊ก อร่อย หรือใช้ทำแป้งขนมจีน จะได้เส้นขนมจีนเหนียวหนึบ หรือใช้ทำแป้งขนมทองพับ ปัจจุบัน มีการขยายตลาดไปยังผู้บริโภคประเทศมาเลเซียด้วย โดยเฉพาะ “ข้าวอัลฮัมดุลิลลาฮุ” ผลผลิตจากชาวนาบ้านโคกโดน หมู่ที่ 12 ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล ปัจจุบัน ชาวนาบ้านโคกโดน รวมตัวตั้ง “กลุ่มเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร” มีสมาชิกกลุ่ม
หากพูดถึงเรื่อง “ข้าว” หลายคนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นอาหารหลักที่กินกันมาตั้งแต่เกิด แต่จะมีใครรู้บ้างว่าจริงๆ แล้วข้าวมีมากมายหลายสายพันธุ์ นับแค่เฉพาะในประเทศไทยก็มีมากกว่า 20,000 สายพันธุ์เข้าไปแล้ว แต่ทำไมคนไทยถึงได้กินและรู้จักข้าวเพียงไม่กี่สายพันธุ์ และหลายคนมองข้ามความมหัศจรรย์ของข้าวไป บ้างก็เป็นเพราะความเคยชิน บ้างก็เป็นเพราะไม่ทราบจริงๆ ว่า “ข้าว” ยังมีเรื่องมหัศจรรย์ให้เราค้นหาอีกมากมาย ซึ่งเมื่อไม่มีกี่วันมานี้เทคโนโลยีชาวบ้านได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณนพ ธรรมวานิช นักออกแบบผู้คิดค้นโมเดลชิมข้าว โดยคำถามที่เรายิงไปคำถามแรกคือ จากที่ทำงานสายดีไซน์ ทำแอนิเมชันเป็นหลัก แล้วมาเข้าสู่วงการข้าวได้ยังไง? ทางอาจารย์นพ ตอบกลับมาว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่คลาสสิกมาก แต่ก็เชื่อว่าต้องเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้มากๆ เพราะไม่งั้นทุกคนคงไม่รวมใจกันถามคำถามนี้มา “จริงๆ ต้องบอกว่างานหลักที่ผมทำ ผมทำงานด้านดีไซน์ ในหลายมีเดีย ทำทั้งออนไลน์ แอนิเมชัน วิชวลเอฟเฟกต์ และงานด้านคอนเทนต์ พอดีมีจังหวะหนึ่งที่เพื่อนของผมได้ไปทำงานด้านวิดีโอและการสื่อสารให้กับโครงการชื่อ Thailand Gastronomy Touri
แหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวมีน้อย หาซื้อได้ยาก ราคาค่อนข้างแพง เป็นปัญหาหนึ่งในการทำนา แต่ที่จังหวัดสุรินทร์ยังไม่สิ้นคนดี เมื่อมีผู้นำสหกรณ์การเกษตรวัน วัน วัน จำกัด ได้ริเริ่มและนำแนวคิดมาให้สมาชิกปลูกข้าวในถุงพลาสติกดำเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี โดยการสนับสนุนด้านวิชาการและเสริมทักษะทุกขั้นตอนการผลิตจากภาครัฐและเอกชน ผลคือทำให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีปลูกและขาย และได้ก้าวเปลี่ยนสู่วิถียังชีพที่มั่นคง คุณธนาบูลย์ สุขปัญญา อดีตผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินทร์ ที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์ (ด้านการเกษตร) เล่าให้ฟังว่า เมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีเป็นปัจจัยสำคัญในการทำนา แต่ละปีประเทศไทยใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ในราว 670 ล้านกิโลกรัม แต่เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ผลิตได้ก็ไม่เพียงพอ หาซื้อยาก ราคาค่อนข้างแพง จึงส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์การเกษตรรวมกลุ่มปลูกข้าวในถุงพลาสติกดำเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าว การปลูกเพื่อผลิตเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าว สมาชิกสหกรณ์การเกษตรวัน วัน วัน จำกัด จะได้รับความรู้วิชาการและเสริมทักษะในทุกขั้นตอนจากนักวิชาการเกษตรศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุรินท
ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย พบว่ามีหลายครัวเรือนประสบปัญหาในการจัดเก็บข้าว เนื่องจากข้าวเป็นธัญพืชที่มีคุณค่า และเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีของเหล่าแมลง จึงทำให้ข้าวกลายเป็นอาหารชั้นโปรดของแมลง โดยเฉพาะด้วงงวง หรือที่เรียกกันว่า มอดข้าวสาร มอดจะเข้ามากัดกินข้าว ทำให้คุณภาพข้าวเสียหาย ที่ผ่านมาเคยมีการแนะนำการเก็บข้าวสารให้พ้นจากการกัดกินของมอด เช่น นำข้าวสารใหม่ใส่ใบมะกรูดและพริก แล้วเทเกลือไว้ในข้าวสาร เนื่องจากเกลือจะทำให้มอดแสบตา หรือบางรายจะใช้ช้อนสแตนเลส ลูกกุญแจ และตะปู หรือใบกระวานใส่ในที่เก็บข้าวสาร แต่ที่สำคัญที่สุดควรหมั่นนำข้าวสารมาตากแดด สำหรับข้าวเก่าที่มีมอดอยู่แล้ว บางรายนำข้าวสารมาตากแดดให้มอดตาย แล้วเก็บใส่ในกล่องที่เป็นสุญญากาศ จากนั้นก็แบ่งใส่ถังเล็กสำหรับใช้ประมาณ 1 สัปดาห์ และบางตำราแนะว่า เอาข้าวแช่ตู้เย็น โดยการปิดปากถุงข้าวสารให้แน่น ความเย็นจะช่วยให้มอดไม่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นได้น้อยมาก ด้วยเหตุนี้ ด.ช.ณัฐพล วงค์บุตร ด.ช.รังสรรค์ จันทร์ลาพันธ์ ด.ญ.เอ็นดู เภาดี ด.ญ.ประกายแก้ว ศิรินัย และ ด.ช.ภาณุ ธิดาแก้ว จากโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกันคิดทำโครงงาน ประด
รู้หรือไม่ว่าการกินข้าวมีเคล็ดลับอยู่ที่ “การกินตามช่วงอายุ” ที่ควรกินให้เหมาะสม และถูกประเภทตามช่วงอายุจะทำให้เราได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน! เคล็ดลับที่ 1 การกินข้าวช่วงวัยเด็กอายุ 6 เดือน-3 ปี ในช่วงที่เด็กเริ่มโตเข้าสู่ช่วงวัยที่เริ่มหย่านมแม่ และสามารถกินอาหารอ่อนๆ ได้ ถือว่าเป็นช่วงวัยที่ต้องการสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย ในช่วงนี้เองที่เราอยากแนะนำให้เด็กเล็กเริ่มกินข้าวแบบบดละเอียด สายพันธุ์ข้าวแนะนำที่เหมาะกับเด็กเล็ก : ข้าวหอมมะลิ, ข้าวกล้อง แนะนำเพิ่มเติม : – ข้าวที่นำมาบดให้เด็กเล็กกินต้องเป็นข้าวที่บดละเอียด – ควรหุงข้าวให้ไม่แข็ง โดยเฉพาะข้าวกล้องหากคุณแม่อยากให้ลูกน้อยกิน แนะนำว่าให้นำข้าวไปแช่น้ำไว้ก่อนหุง เพราะข้าวจะได้นุ่มไม่แข็ง – เมื่อเด็กอายุได้ 7 เดือนขึ้นไปให้ปรับเป็นข้าวบดหยาบเพื่อฝึกการเคี้ยว และสามารถให้เด็กกินเพิ่มขึ้นได้ เคล็ดลับที่ 2 การกินข้าวในช่วงวัย 4-15 ปี เป็นช่วงวัยที่สามารถกินข้าวสวยได้แล้ว โดยไม่ต้องนำข้าวมาบดเหมือนในช่วงแรก แต่ว่ายังต้องกินข้าวที่มีความนุ่มเคี้ยวง่าย และไม่ควรแข็งเกินไป สายพันธุ์ข้าวแนะนำที่เหมาะกับเด็ก : ข้าวห